ผู้ซื้อจานแห่งความยั่งยืน

Team : Prairie Charmer
Member
Ms Jidaphar Choochan
Ms Thanaphon Thatthepthanaboon
Ms Nichaphat Chucheep
การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ (SWOT)
จุดแข็ง S (Strengths)
1. การออกแบบลวดลายผลิตภัณฑ์ให้มีความ Minimal Luxury
2. รูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายต่อการใช้งานทั้งในการใส่อาหารหรือเพื่อการตกแต่ง
3. กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ที่เป็นมากกว่ากล่องบรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อจานชามทั่วไป
4. มีการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ใหม่
5. มีความสามารถในการป้องกันตัวผลิตภัณฑ์เสียหายระหว่างการขนส่ง
6. ลดค่าใช้จ่ายในการแพ็กผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดส่ง
7. เป็นการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมในเรื่องของการใช้บรรจุภัณฑ์ได้อย่างคุ้มค่า
8. เอกลักษณ์และภาพลักษณ์ของตัวบรรจุภัณฑ์มีความแตกต่างไปจากเดิม
จุดอ่อน W (Weaknesses)
1. ต้นทุนการผลิตสูง อาจมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
2. เทคโนโลยีในการผลิตที่อาจทำได้ไม่ดีเท่ากับทางยุโรป
3. อัตราในการเจริญเติบโตของธุรกิจต่ำ
4. ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันมีจำนวนมากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
5. มีต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่สูง
โอกาส O (Opportunities)
1. มีการขยายตัวของธุรกิจร้านคาเฟเป็นจำนวนมาก
2. พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชอบไปร้านคาเฟ
3. “ว่ากันว่าถ้าจานสวยอาหารจะอร่อยขึ้น” วลีจากนักสะสมจาน
อุปสรรค T (Threats)
1. ตัวผลิตภัณฑ์นั้นไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่กระแสรักษ์โลกกำลังเติบโตนั้นอาจส่งผลต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
2. สามารถมีสินค้าอื่นเข้ามาทดแทนได้
3. พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องมีการพัฒนารูปแบบ ลาดลวยของผลิตภัณฑ์และการวางแผนในด้านต่างๆอยู่ตลอดเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์
1. ต้องการส่วนแบ่งตลาด 3% ภายใน 2 ปี
2. ยอดขายในปีแรกไม่ต่ำกว่า 1,000,000 บาท
3. มีฐานลูกค้าไม่ต่ำกว่า 1,000 รายในปีแรก
การกำหนดลูกค้าเป้าหมายและรายละเอียด Insight ของกลุ่มเป้าหมาย
1. กลุ่มลูกค้าที่เป็นร้านคาเฟหรือธุรกิจร้านอาหาร เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้เข้าร้านคาเฟเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่าการแข่งขันระหว่างร้านคาเฟเดียวกันมีจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติเครื่องดื่ม อาหารและการตกแต่งภายในร้าน ดังนั้นสิ่งที่ทำให้แตกต่างที่เป็นที่น่าดึงดูดให้ร้านได้อีกทางหนึ่ง อาจเป็นในส่วนของความแปลกใหม่หรือภาชนะที่ใช้มีลวดลายรูปแบบที่สวยงามแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
2. กลุ่มบุคคลที่ชอบสะสมจาน เป็นกลุ่มที่มีความชอบในเรื่องของการสะสมจานเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่จะใช้ความรู้สึกชอบและความสวยงามในการตัดสินใจซื้อมากกว่าการนำไปใช้ประโยชน์ แต่นอกจากความสวยงามแล้วนั้นก็สามารถนำมาตกแต่งบ้านได้และในบางครั้งก็ยังนำมาใช้เป็นภาชนะใส่อาหารเพราะเมื่อจานสวยอาหารจะอร่อยขึ้น
3. กลุ่มบุคคลทั่วไป เป็นกลุ่มที่มีการซื้อเมื่อเกิดความจำเป็นในการใช้จาน เป็นการซื้อที่มีความพอเหมาะต่อความต้องการใช้ เช่นนักเรียนที่ย้ายจากบ้านมาอยู่หอพักต้องการซื้อจานไว้ที่หอพักเพื่อใช้ในการรับประทานอาหาร จึงได้ซื้อไว้เพียง 2-3 ใบ ซึ่งพอเหมาะต่อการใช้งานเพียงคนเดียว
การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ
เนื่องจากการซื้อจานในบางครั้งนั้นมักจะห่อหุ้มมาด้วยกระดาษและสวมด้วยพลาสติกหิ้วทั่วไป หรืออาจมาในรูปแบบของกล่องที่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้อีก เราจึงได้มีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่แม้จะห่อหุ้มตัวผลิตภัณฑ์ได้แล้วนั้นก็ยังสามารถที่จะนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ได้และยังสามารถใช้เมื่อต้องการพกพาจานไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อีกด้วย
บรรจุภัณฑ์ที่เราออกแบบนั้นเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์จานชามที่สามารถปรับเปลี่ยนมาเป็นที่วางจานหลังทำความสะอาดหรือเป็นที่เก็บจานได้นั่นเอง เพื่อเป็นการลดขยะที่เกิดจากการห่อหุ้มผลิตภัณฑ์ด้วยแผ่นกระดาษและถุงพลาสติก นอกจากจะเป็นการลดขยะแล้วยังสามารถนำบรรจุภัณฑ์กลับมา Reuse ใช้อีกครั้งในการวางจานหรือเก็บจานได้อีกด้วย
ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์นั้นจะมีการออกแบบขนาดของกล่องบรรจุภัณฑ์ให้มีความพอดีกับจานเพื่อเป็นป้องกันการเกิดความเสียหายและเพื่อความสะดวกสบายในการขนส่ง ซึ่งส่วนของรูปแบบภายนอกนั้นจะมีการใช้สีที่ทำให้ดึงดูดสายตาและลวดลายของกล่องบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม โดยตัวกล่องจะเป็นกระดาษผสมพลาสติกที่มีความหนาและสามารถโดนน้ำได้เพื่อเป็นการป้องกันการเสียหายในการขนส่งพร้อมทั้งยังสามารถช่วยลดต้นทุนในการแพ็คสินค้าเพื่อการขนส่งได้อีกด้วย
กิจกรรมการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์
TOWS Matrix
SO (กลยุทธ์เชิงรุก)
1. พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายและเหมาะสมกับลูกค้า
2. ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
3. เพิ่มสัดส่วนการตลาดและสร้างแบรนด์ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือและเพื่อเพิ่มยอดขายให้มากยิ่งขึ้น
WO (กลยุทธ์เชิงแก้ไข)
1. พัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
2. ศึกษาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับแบรนด์เพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของธุรกิจ
3. ทำการสำรวจและวิเคราะห์ประสบการณ์ลูกค้าที่เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
ST (กลยุทธ์เชิงป้องกัน)
1. สร้างความแตกต่างให้แบรนด์โดยออกแบบตัวผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
2. การวิเคราะห์ศึกษาคู่แข่งเพื่อการรู้เท่าทันและแนวโน้มของตลาดในช่วงเวลานั้น
3. การจัดทำCampaingลดราคาหรือการแถมสินค้าเมื่อเกิดเหตุการณ์ชะลอตัวของตลาดหรือการแข่งขันในตลาดที่สูงมากขึ้น
WT (กลยุทธ์เชิงรับ)
1. บริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
2. พัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือกระบวนการในการผลิตให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ข้อมมูลแผนการตลาด (4P)
1. Product
ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการออกแบบลวดลายของผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงามน่าใช้งานและเป็นเอกลักษณ์ และมีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ และมีบริการหลังการขาย และคืนสินค้าหากเกิดความเสียหาย
2. Place
โดยทางแบรนด์จะทำการบริการสินค้าให้กับลูกค้าโดยผ่าน 2 ช่องทางหลักๆ ได้แก่ ผ่านทางออนไลน์ ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผ่านทางโทรศัพท์ได้ทุกที่ทั่วโลกและผ่านหน้าร้าน ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้เองตามความต้องการของลูกค้า
3. Promotion
การโฆษณา - แจ้งข่าวสารกิจกรรมและสินค้า โดยการยิงแอดไปยังสื่ออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook , Instagram , TikTok,คำค้นหาใน Google , เว็บไซต์ของแบรนด์
การส่งเสริมการขาย - ในการทำส่วนลดในช่วงเทศกาลต่างๆ
4. Price
มีการกำหนดราคาที่เป็นกลางระหว่างราคากลางของตลาด ต้นทุนการผลิตและการคาดการณ์กำไรสุทธิ โดยจะมีการตั้งราคาแบบ Psychological Pricing กับเซ็ทจาน แบบยกโหลและแบบชิ้นเดียวทั้งหมดของแบรนด์ ในส่วนรูปแบบการชำระเงินนั้นจะมีทั้งรูปแบบของเงินสด Scan QR Code และการตัดผ่านบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต
การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์ (KPI)
ฝ่ายการผลิต
ตัวชี้วัด : 1. เพิ่มอัตราการผลิต
2. จำนวนความผิดพลาดในการผลิต
3. ผลิตได้อย่างรวดเร็ว ครบถ้วนตรงเวลา
4. ต้นทุนการผลิต
เกณฑ์การวัด : 1. เพิ่มขึ้น 10% จากปีแรก
2. น้อยกว่า 2% ของยอดการผลิตทั้งหมด
3. มากกว่า 97 ของ Lot การผลิตทั้งหมด
4. ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีแรก
ฝ่ายจัดซื้อ
ตัวชี้วัด : 1. ต้องมีการจัดซื้อวัตถุดิบได้ครบถ้วนตรงเวลา
2. คุณภาพของวัตถุดิบที่ซื้อ
3. เมื่อจัดซื้อวัตถุดิบต้องมีการตรวจเช็คก่อน
เกณฑ์การวัด : 1. มากกว่า 97% ของ Lot การจัดซื้อทั้งหมด
2. จำนวนวัตถุดิบที่เสียหายหรือไม่ได้คุณภาพต้องน้อยกว่าร้อยละ 3
3. ทุกครั้งต้องมีการตรวจเช็ควัตถุดิบอย่างละเอียดก่อนนำมาใช้
ฝ่ายการตลาด
ตัวชี้วัด : 1. เพิ่มยอดขาย
2. เพิ่มฐานลูกค้าใหม่จากลูกค้าเดิม
3. ระดับความพึงพอใจในการบริการ
4. เป็นที่รู้จักมากขึ้นในสื่อออนไลน์
เกณฑ์การวัด : 1. เพิ่มขึ้น 15% ของปีแรก
2. เพิ่มขึ้น 10% ของฐานลูกค้าเดิมในปีที่สอง
3.ระดับความพึงพอใจของลูกค้าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95
4. เพิ่มขึ้น 15% จากการเข้าชมครั้งแรก
ฝ่ายบุคลากร
ตัวชี้วัด : 1. การมีส่วนร่วมของพนักงานในบริษัท
2. อัตราในการขาดงานของพนักงาน
3. อัตราในการลางานของพนักงาน
4. อัตราในการมาสายของพนักงาน
เกณฑ์การวัด : 1. มากกว่า 80% ของบุคลากรทั้งหมด
2. น้อยกว่า 5% ของวันทำงานทั้งหมด/คน/ปี
3. น้อยกว่า 10% ของวันทำงานทั้งหมด/คน/ปี
4. น้อยกว่า 7% ของวันทำงานทั้งหมด/คน/ปี
ฝ่ายบัญชีการเงิน
ตัวชี้วัด : 1. ความถูกต้องของบิล
2. ภาระหนี้ค้างชำระ
3. การใช้งบประมาณเกินที่กำหนดไว้
4. ยอดขาย
5. กำไร
6. จำนวนเงินปันผล
เกณฑ์การวัด : 1. มากกว่า 98% ของจำนวนบิลทั้งหมด
2. ไม่เกิน 100% ของยอดขาย
3. ไม่เกิน 3% ของงบประมาณทั้งหมด
4. มากกว่า 12% ของสินทรัพย์ทั้งหมด
5. มากกว่า 35% ของยอดขาย
6. มากกว่า 10% ของกำไร