SCGP

บรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยผู้ชาย

Idea Tank
Team : MIF

Member

Ms Khemika Singchai

Ms Papawarin Naksri

Ms Nannapat Prangtip

SCG PACKAGING

บรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัย

สำหรับสุภาพบุรุษ

สมาชิก

นางสาวเขมิกา สิงห์ชัย 6511102769

นางสาวนันท์นภัส ปรางค์ทิพย์ 6511102921

นางสาวปภาวรินท์ นาคศรี 6511102955

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยสำหรับเพศชาย (Menstrual pads for men) เป็นตลาดที่กำลังเริ่มพัฒนาในระดับโลก เนื่องจากความต้องการและความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพของเพศชายที่มากขึ้น ซึ่งเน้นDesignของบรรจุภัณฑ์ที่ทำให้เพศชายมีความกล้า และมั่นใจในการซื้อสินค้า โดยที่ใช้วัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

วิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ

การแข่งขันในตลาด 

  1. ตลาดของบรรจุภัณฑ์สำหรับเพศชายในปัจจุบันยังไม่กว้างขวางเท่าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้หญิง และยังไม่ค่อยได้รับความนิยมในประเทศไทย บรรจุภัณฑ์แบรนด์ MIF เป็นรายแรก ๆ ที่คิดนำบรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยสำหรับเพศชายเข้าสู่ตลาด

โอกาสทางธุรกิจ 

  1. การขยายกลุ่มเป้าหมาย มีโอกาสในการขยายตลาดโดยเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ เช่น เพศชายที่ต้องการป้องกันการเล็ดของปัสสาวะระหว่างออกกำลังกาย หรือกลุ่มคนที่มีความต้องการดูแลสุขภาพเฉพาะ และนวัตกรรมในบรรจุภัณฑ์ โดยออกแบบสิ่งบรรจุภัณฑ์ที่มีความทันสมัย ทำให้เพศชายมีความมั่นใจในการซื้อสินค้า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ได้

การยอมรับทางสังคมและวัฒนธรรม 

  1. การใช้งานบรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยในเพศชายยังคงเป็นเรื่องใหม่ในหลายวัฒนธรรม และอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย ทำให้มีความท้าทายในการทำการตลาดเพื่อให้เพศชายยอมรับและเปิดเผยถึงปัญหานี้ แต่เพศชายจำนวนมากอาจยังไม่คุ้นเคยกับบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ หรืออาจมีความรู้สึกว่าบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวเหมาะสำหรับเพศหญิง ทำให้ความต้องการตลาดยังไม่สูงเท่าที่ควร

ความยั่งยืน 

  1. วัสดุที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความยั่งยืน ไม่อันตรายต่อการใช้งาน วัสดุสามารถย่อยสลายได้ 

SWOT

Strengths (จุดแข็ง)

1. นวัตกรรมในการออกแบบ : บรรจุภัณฑ์ที่มีการออกแบบที่มีความทันสมัยและดึงดูดใจ สามารถสร้างความสนใจจากผู้บริโภคได้มากขึ้น

2. การรักษาคุณภาพ : บรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพสามารถช่วยรักษาสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์ได้ดี

3. การสร้างภาพลักษณ์: บรรจุภัณฑ์ที่ดีช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่มั่นใจและทันสมัยสำหรับผู้ชาย

Weaknesses (จุดอ่อน)

1. ต้นทุนการผลิตสูง : การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพอาจมีต้นทุนสูง

2. ความรู้เกี่ยวกับตลาด : ตลาดผ้าอนามัยผู้ชายยังใหม่ อาจต้องใช้เวลาสร้างการรับรู้

3. การตลาดที่ต้องการการลงทุนสูง : จำเป็นต้องมีการลงทุนมากในการสร้างแบรนด์และการประชาสัมพันธ์

4. เป็นสินค้าใหม่ ผู้บริโภคอาจจะยังไม่กล้าเปิดใจซื้อ

Opportunities (โอกาส)

1. การเติบโตของความตระหนักในสุขอนามัย ผู้ชายเริ่มใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์

2. ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ขยายตัว การขายออนไลน์ และการเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ หรือร้านค้าเพื่อสุขภาพ

3. แนวโน้มด้านการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การพัฒนาแพ็คเกจที่ยั่งยืนสามารถดึงดูดใจลูกค้า

Threats (อุปสรรค)

1. การแข่งขันจากแบรนด์อื่น มีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเป็นคู่แข่ง ทำให้ผู้บริโภคไม่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์

2. ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอาจทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย

เป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์

เนื่องจากมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มออนไลน์  ระบุว่าตนเองเป็นเพศชาย ได้ทำการรีวิวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นั้นเกี่ยวกับเรื่องการใช้ผ้าอนามัยของผู้หญิงเพื่อซับเหงื่อบริเวณรักแร้รวมถึงจุดซ่อนเร้นโดยตรง และใช้อย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาด จึงได้มีการรีวิวลงแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้ทราบต่อว่ามีผู้ชายหลายคนใช้วิธีเดียวกันเยอะมาก จากการที่มีการตอบกลับความคิดเห็นกันบนแพลตฟอร์มออนไลน์ดังกล่าว เลยเลือกเจาะไปที่กลุ่มเป้าหมายเพศชายวัยทำงาน อายุ 26-40 ปี ที่ต้องการดูแลภาพลักษณ์ในการเข้าสังคม จึงอยากริเริ่มที่จะพัฒนาบรรจุภัณฑ์ สำหรับเพศชาย ให้มี Design ที่ดูมีความเรียบหรูทันสมัย 

ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และรายละเอียด Insight ของกลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมาย : เพศชายวัยทำงาน ช่วงอายุ 26-40 ปี

Insight : 

1) ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรม (Lifestyle and Behavior)

  1. ความกระฉับกระเฉง : ผู้ชายวัยทำงานส่วนใหญ่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน การออกกำลังกาย และมีกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางไปทำงาน การออกกำลังกาย หรือกิจกรรมกลางแจ้ง ทำให้พวกเขาต้องการผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมความมั่นใจและความสะดวกสบายตลอดทั้งวัน
  2. ใส่ใจสุขภาพและความสะอาด : กลุ่มนี้มักให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพร่างกาย ความสะอาด และสุขอนามัย พวกเขาสนใจผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยเรื่องการดูแลสุขภาพและลดความอับชื้น
  3. ความสะดวกและรวดเร็ว : เนื่องจากกลุ่มนี้มีภาระหน้าที่และเวลาจำกัด จึงต้องการผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย พกพาสะดวก และไม่ยุ่งยากในการใช้หรือเปลี่ยน

2) ความต้องการทางจิตวิทยา (Psychological Needs)

  1. ความมั่นใจในที่สาธารณะ: ผู้ชายวัยทำงานมักต้องการความมั่นใจในการใช้ชีวิตและการทำงาน โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลความสะอาดและสุขอนามัยส่วนตัว ดังนั้น บรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยสำหรับเพศชายควรสื่อถึงความมั่นใจและความเป็นมืออาชีพ
  2. ความเป็นส่วนตัว : เนื่องจากผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยเพศชายเป็นเรื่องที่ยังคงเป็นสิ่งใหม่ในสังคม บรรจุภัณฑ์ควรมีการออกแบบให้ดูเรียบง่าย ไม่ดึงดูดสายตา และไม่ทำให้เกิดความอายหรือความไม่มั่นใจเมื่อต้องพกพาหรือใช้งาน
  3. การรับรู้คุณค่าและภาพลักษณ์ : กลุ่มเป้าหมายนี้คาดหวังผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า มีภาพลักษณ์ที่ดี และตรงกับความต้องการ โดยมักจะเลือกสินค้าที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดีและดูแลสุขอนามัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3) ปัจจัยทางเศรษฐกิจ (Economic Factors)

  1. ราคาที่เหมาะสม : ผู้ชายวัยทำงานมักมีรายได้ที่มั่นคง แต่ยังคงคำนึงถึงความคุ้มค่าในการเลือกซื้อสินค้า พวกเขายินดีจ่ายเพิ่มสำหรับสินค้าที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาต้องเหมาะสมกับคุณภาพและประโยชน์ที่ได้รับ

การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ที่นำเสนอ

ออกแบบโดยการใช้กระดาษจากใยพืชทางเลือกดังต่อไปนี้

กระดาษจากฟางข้าว (Rice straw paper) ฟางข้าวเป็นวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรที่สามารถนำมาผลิตเป็นกระดาษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดการเผาฟางข้าว และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ และใช้วัสดุที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุที่รีไซเคิลได้หรือใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี

การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นและแตกต่าง

  1. ดีไซน์ที่ตอบโจทย์ผู้ชาย (Masculine Design) บรรจุภัณฑ์มีดีไซน์ที่เข้มแข็ง เรียบง่าย มีความเป็นธรรมชาติ ใช้สีที่สื่อ คือ น้ำเงิน และสีขาวที่แสดงถึงความจริงใจและสง่างาม
  2. ดีไซน์ของบรรจุภัณฑ์เรียบง่าย หยิบใช้สะดวก และทำให้รู้สึกไม่เคอะเขินเวลาซื้อ หรือหยิบมาใช้

กิจกรรมการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์

     กิจกรรมการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยสำหรับเพศชายสามารถเป็นกุญแจสำคัญให้ MIF สร้างความแตกต่างและเพิ่มความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ในตลาด โดยการใช้บรรจุภัณฑ์เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมแบรนด์ และการทำกิจกรรมการตลาดเฉพาะเจาะจงเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายสามารถทำได้ดังนี้:

1) Advertising

  1. การใช้ Influencer และแคมเปญทางสังคม (Influencer Marketing & Social Campaigns)
  1. การทำงานร่วมกับ Influencer ชายที่กำลังโด่งดังเป็นที่นิยม หรือที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและโปรโมตผลิตภัณฑ์
  2. การสร้างแคมเปญเพื่อสุขอนามัยของเพศชาย จัดแคมเปญเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและสุขอนามัยของเพศชาย อาจใช้บรรจุภัณฑ์เป็นช่องทางในการสื่อสารประเด็นเหล่านี้ เช่น การจัดกิจกรรมวันสุขภาพชายสากล (International Men’s Health Day)
  1. การทำตลาดผ่านช่องทางต่าง ๆ (Omnichannel Marketing)
  1. การขายออนไลน์ (E-commerce): ปรับบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับการจัดส่ง และช่องทางออนไลน์ เช่น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีการห่อหุ้มแน่นหนา แต่เปิดใช้งานง่าย รวมถึงการออกแบบให้ดึงดูดสายตาบนแพลตฟอร์มออนไลน์
  2. การขายในร้านค้า (Retail Presence) วางบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบที่เน้นความโดดเด่นบนชั้นวาง และทำให้สามารถมองเห็นข้อมูลสำคัญได้ชัดเจน เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ โดยวางขายที่ร้านสะดวกซื้อ
  1. การทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านบรรจุภัณฑ์ (Marketing Activities through Packaging)
  1. แคมเปญการตลาดบนบรรจุภัณฑ์ (On-Pack Promotions) บรรจุภัณฑ์สามารถมีการส่งเสริมการขาย เช่น การแถมสินค้าตัวอย่าง โปรโมชั่นการซื้อ 1 แถม 1 
  2. การตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Integration) ใช้บรรจุภัณฑ์ในการชักชวนผู้บริโภคให้มีส่วนร่วมบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยการใส่แฮชแท็ก เช่น การโพสต์รีวิว การแข่งขันถ่ายรูปคู่กับผลิตภัณฑ์

2) CSR

  1. การสร้างความยั่งยืนผ่านบรรจุภัณฑ์ (Sustainability)

   - การโปรโมตความยั่งยืน (Sustainability Messaging) ใช้บรรจุภัณฑ์ในการสื่อสารว่าบริษัทของคุณมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมเมื่อซื้อสินค้า

3) PR

จัดกิจกรรม Grand Opening เพื่อเปิดตัวแบรนด์ และให้ผู้บริโภคตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ สร้างสัมพันธ์อันดีกับผู้บริโภคกับเจ้าแบรนด์ ทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์ดูดี และสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์สินค้า

การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์

การวัดผลทางการตลาดและการสร้างแบรนด์สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยสำหรับเพศชายเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างใหม่ เนื่องจากสินค้าประเภทนี้มักเป็นที่รู้จักและใช้กันทั่วไปในเพศหญิง อย่างไรก็ตามจากการพัฒนาทางสังคมและการยอมรับเรื่องสุขภาพของทุกเพศ การทำการตลาดและสร้างแบรนด์บรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยสำหรับเพศชายจึงสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพหากมีการวางแผนที่เหมาะสม โดยกระบวนการวัดผลการตลาดและแบรนด์มีขั้นตอนและตัวชี้วัดดังนี้

1) ยอดขายและการเติบโตทางธุรกิจ (Sales and Business Growth)

  1. ยอดขาย : วัดจากจำนวนสินค้าที่ขายได้ในช่วงเวลาหนึ่ง สามารถเปรียบเทียบกับยอดขายก่อนทำการตลาด หรือเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
  2. ส่วนแบ่งตลาด : วัดว่าแบรนด์มีส่วนแบ่งเท่าใดในตลาดบรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยสำหรับเพศชายเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
  3. การเติบโตของยอดขาย : เปรียบเทียบการเติบโตของยอดขายระหว่างช่วงเวลาก่อนและหลังทำการตลาด

2) การรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)

  1. การรับรู้แบรนด์ (Brand Recognition) : ใช้การสำรวจหรือแบบสอบถามเพื่อวัดว่าผู้บริโภครู้จักหรือจำแบรนด์ MIF ได้มากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
  2. การค้นหาชื่อแบรนด์ (Search Volume) : วิเคราะห์การค้นหาชื่อแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ผ่านเครื่องมือค้นหา เช่น Google Analytics

3) ทัศนคติและภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Perception and Image)

  1. การสำรวจความคิดเห็น (Customer Surveys) : สอบถามผู้บริโภคเกี่ยวกับความรู้สึกหรือทัศนคติต่อบรรจุภัณฑ์และแบรนด์ การรับรู้คุณภาพ ความไว้วางใจ และความพึงพอใจ
  2. การวิเคราะห์ความคิดเห็นออนไลน์ (Sentiment Analysis) : วิเคราะห์ความคิดเห็นจากสื่อสังคมออนไลน์ รีวิว หรือบล็อก เพื่อตรวจสอบว่าภาพลักษณ์ของ MIF ในสังคมเป็นอย่างไร

4) การมีส่วนร่วมของลูกค้า (Customer Engagement)

  1. การโต้ตอบในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Engagement) : ตรวจสอบจำนวนการกดไลก์ แชร์ ความคิดเห็น หรือการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์
  2. อัตราการเข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic) : วัดจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของแบรนด์หรือบรรจุภัณฑ์ผ้าอนามัยเพศชาย และพฤติกรรมของผู้เข้าชม เช่น เวลาเฉลี่ยในการเยี่ยมชม และอัตราการเปลี่ยนแปลง

5) ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า (Customer Satisfaction and Loyalty)

  1. คะแนนความพึงพอใจของลูกค้า : วัดว่าลูกค้าพึงพอใจมากน้อยแค่ไหนต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ
  2. คะแนนผู้สนับสนุนสุทธิ : วัดความเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะแนะนำผลิตภัณฑ์ให้ผู้อื่น
  3. การซื้อซ้ำ : วัดจำนวนลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ้าอนามัยเพศชายซ้ำหรือกลับมาใช้บริการใหม่

6) ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment, ROI)

  1. ค่าใช้จ่ายทางการตลาด (Marketing Cost) : วัดผลของการลงทุนในด้านโฆษณา การประชาสัมพันธ์ และการส่งเสริมการขาย เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายหรือผลกำไรที่ได้รับ
  2. การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายต่อการได้ลูกค้า (Customer Acquisition Cost, CAC) : วัดต้นทุนที่ใช้ในการหาลูกค้าใหม่ เปรียบเทียบกับมูลค่าลูกค้า 

7) การกระจายสินค้าและการเข้าถึงตลาด (Distribution and Market Reach)

  1. การขยายเครือข่ายร้านค้า : ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีวางจำหน่ายในช่องทางต่าง ๆ มากน้อยเพียงใด เช่น ร้านค้าปลีก ออนไลน์ หรือห้างสรรพสินค้า
  2. การวิเคราะห์การเข้าถึงตลาด : วัดการเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มตลาดเป้าหมายใหม่ ๆ

การวัดผลทางการตลาดและการสร้างแบรนด์ผ้าอนามัยสำหรับเพศชายจึงต้องอาศัยการทำความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำ เพื่อให้สามารถพัฒนาแบรนด์และสร้างความยั่งยืนในตลาดได้

other Ideas