Market Situation Analysis 

        การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกต้องให้ความสำคัญในการร่วมกันแก้ปัญหา เนื่องจากส่งผลกระทบรุนแรงต่อมนุษย์ในหลายมิติ ทั้งด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติ ด้านทรัพยากร สุขภาพ ความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจ ในขณะที่ภาครัฐและภาคเอกชนกำลังให้ความสนใจต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs) ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างแนวทางที่ชัดเจนในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคมและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม

        ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สังคมและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น ประเด็นเรื่องไมโครพลาสติกในอาหารได้กลายเป็นปัญหาที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ ผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงอันตรายของไมโครพลาสติกที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ จึงเกิดความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและไม่มีสารปนเปื้อนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความใส่ใจในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็กำลังเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและย่อยสลายได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจัยด้านราคายังคงเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจซื้อ

PESTEL Analysis 

P (Political)

รัฐบาลมีนโยบายและมาตรการที่เข้มงวดในการลดขยะพลาสติก การห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวและการส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ธุรกิจที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติหรือวัสดุรีไซเคิลจะได้รับการสนับสนุน อย่างการลดหย่อนภาษีและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)

E (Economic)

ผู้บริโภคมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่มีการสนับสนุนเรื่องสิ่งแวดล้อมและการรีไซเคิล การลงทุนในวัสดุที่ย่อยสลายได้ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่สนใจในเรื่องความยั่งยืน

การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือบรรจุภัณฑ์ชีวภาพ (biodegradable packaging)อาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับพลาสติกหรือวัสดุทั่วไป เนื่องจากวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องยังคงมีราคาสูง

S (Social)

เทรนด์การรักษ์โลก (Sustainability) ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ โดยมีแนวโน้มการบริโภคสินค้าที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ซึ่งมีผลกับการตัดสินใจในการเลือกแบรนด์ที่จะอุดหนุนเป็นอย่างมาก โดยที่ผู้บริโภคบางกลุ่มยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อสนับสนุนแบรนด์ที่มีความยั่งยืน นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้ในระยะยาว 

ผู้บริโภคยุคใหม่จะใส่ใจกับส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เน้นการควบคุมอาหารที่รับประทานในแต่ละวันเพื่อควบคุมน้ำหนักและสารอาหารที่เหมาะสม เช่น การลดหวาน มัน เค็ม หรือลดโซเดียมเพื่อสุขภาพที่ดี แต่ยังคงความอร่อย โดยจะซื้อสินค้ากับร้านค้าและแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ

T (Technological)

เทคโนโลยีการรีไซเคิลช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งยังเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน ตอบสนองต่อความต้องการของสังคมที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

เทคโนโลยีการผลิตที่ยั่งยืนไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทั้งธุรกิจและสังคม ทำให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

E (Environmental)

ปัญหาขยะในประเทศ โดยปี 2566 ไทยมีปริมาณขยะมูลฝอยเกิดขึ้นประมาณ 26.95 ล้านตัน มีเพียง 10.17 ล้านตัน ที่ได้รับการกำจัดอย่างถูกต้อง และนำกลับมาใช้ประโยชน์ 9.31 ล้านตัน ซึ่งตกค้างสะสมถึง 27.62 ล้านตัน (สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2567)

การรีไซเคิลวัสดุต่างๆทุกชนิดให้กลายเป็นวัตถุดิบใหม่ ก่อคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าการนำทรัพยากรธรรมชาติใหม่มาใช้ เพราะการขนส่งที่สั้นกว่า ขั้นตอนการแปรรูปที่น้อยกว่า รวมถึงไม่ก่อให้เกิดขยะที่บางส่วนอาจก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ในอนาคต (The Standard, 2564)

L (Legal)

กฎหมายการบังคับให้ผู้ผลิตรับผิดชอบการจัดการบรรจุภัณฑ์ (Extended Producer Responsibility: EPR) ช่วยผลักดันให้ธุรกิจต้องปรับตัวและเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้จึงเป็นข้อได้เปรียบในด้านกฎหมาย

รัฐบาลส่งเสริมให้ธุรกิจได้รับการรับรอง มาตรฐานธุรกิจสีเขียวผ่าน (Green Label Certification) การตรวจสอบและให้การรับรองผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การได้รับตราสัญลักษณ์ Green Label จะช่วยเพิ่มความซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์มากขึ้น

Market Competition Analysis

        ตลาดอาหารสำเร็จรูปมีการแข่งขันสูง เนื่องจากมีผู้ผลิตหลายรายและแบรนด์ที่เป็นที่นิยม ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องพัฒนา กลยุทธ์ด้านบรรจุภัณฑ์ ที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้า เช่น การออกแบบที่ดึงดูดและเป็นเอกลักษณ์ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะดวกต่อการใช้งาน และคำนึงถึงความปลอดภัยทางอาหาร

Summary of Analyses 

        การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับเทรนด์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ธุรกิจควรมุ่งเน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายหรือรีไซเคิลได้และไม่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติก ซึ่งนอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแล้ว ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการลดขยะพลาสติก การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยดึงดูดผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

       การใช้กลยุทธ์ด้านราคาควรคำนึงถึงการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถตั้งราคาที่สูงขึ้นได้ แต่ยังคงความเต็มใจของผู้บริโภคในการซื้อ นอกจากนี้ การสร้างความแตกต่างผ่านการตลาดเชิงรุกที่เน้นการมีส่วนร่วมกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้แคมเปญโฆษณาที่สร้างการรับรู้ถึงปัญหาไมโครพลาสติกและการใช้บรรจุภัณฑ์ปลอดภัย ก็เป็นวิธีการที่สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้

        การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในกระบวนการผลิตจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิต และทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูงขึ้น เช่น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่บางลงแต่ยังคงคุณสมบัติในการเก็บรักษาอาหาร ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและทำให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้

        สุดท้าย การเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงก็เป็นแนวทางสำคัญในการขยายฐานลูกค้าและสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ

Customer Analysis 

        จากการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมาย คือ วัยทำงานและนักศึกษา จำนวน 296 คน พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ (52.4%)  และ 73% ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนจำนวนมาก และเป็นโอกาสทางธุรกิจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ 

Insight  

-ซองเครื่องปรุงเยอะ พลาสติกหลายชิ้น รีไซเคิลได้ทุกชิ้นรึป่าวก็ไม่รู้

-ซองเครื่องปรุงเปิดยาก แกะแล้วเลอะมือ

-ถ้วยไม่ได้ก่อประโยชน์อื่น ๆ บางครั้งต้องใช้แล้วทิ้ง

-บ่อยครั้งรู้สึกไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะบรรจุภัณฑ์สร้างขยะพลาสติกจำนวนมาก  

-แบบถ้วยสะดวกดีพกพาง่าย

Pain Points 

        ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลาสติกและไมโครพลาสติกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมีความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันการใช้ซ้ำได้ ซึ่งไม่เพียงแค่ลดการใช้พลาสติกเท่านั้น แต่ยังต้องการสินค้าที่สะดวกใช้งานง่ายและสามารถรีไซเคิลได้ เพื่อลดปริมาณขยะและสนับสนุนการจัดการวัสดุอย่างยั่งยืน

        การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและความต้องการของผู้บริโภคเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ประสบความสำเร็จ จึงได้เลือกกลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เพื่อการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจสูงสุด

Targeting

ชื่อ: แอน (Ann) อายุ: 28 ปี

อาชีพ: พนักงานบริษัท 

รายได้: 30,000 บาท/เดือน

พฤติกรรม: ซื้อทีละจำนวนมากจากร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ต เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีโภชนาการดีและปลอดภัย ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ 

ชื่อ: วาวา (Wawa)

อายุ: 23 ปี

อาชีพ: นักศึกษา รายได้: 15,000 บาท/เดือน

พฤติกรรม: ซื้อครั้งละ 1-2 ชิ้นตามร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ต เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความสะดวกและรวดเร็ว  ให้ความสำคัญบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ 

Brand Development Goals 

        เป้าหมายการพัฒนาแบรนด์โดยยึดหลัก Planet, Profit, People เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในตลาดและความต้องการของผู้บริโภค 

1. Planet (สิ่งแวดล้อม)

พัฒนาและปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปัญหามลพิษจากพลาสติก โดยเฉพาะไมโครพลาสติก และใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้

นำวัสดุธรรมชาติและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมาใช้ เช่น บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยหรือกระดาษรีไซเคิล พร้อมสื่อสารไปยังผู้บริโภคถึงความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

2.Profit (ผลกำไร)

รักษาการเติบโตของรายได้และเพิ่มส่วนแบ่งตลาด โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น (Value-added products) พัฒนาผลิตภัณฑ์บะหมี่ที่ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ เช่น บะหมี่โลว์โซเดียมหรือบะหมี่ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เพิ่มการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมต้นทุนการผลิตในขณะที่ยังคงรักษาราคาที่แข่งขันได้

3.People (ผู้คน)

ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสร้างความพึงพอใจสูงสุดในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทำวิจัยตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ตรงกับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น การลดการใช้พลาสติก หรือผลิตภัณฑ์ที่พร้อมรับประทานและพกพาสะดวก

แนวคิดการออกแบบบรรจุภัณฑ์

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดถ้วย ตรา 3 NOR 

แนวทางการพัฒนา

Reduce ลดการใช้พลาสติกจากซองเครื่องปรุง ฝาปิดและช้อนส้อมที่เป็นสาเหตุของไมโครพลาสติก 

Reuse ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสามารถนำมาทำเป็นกระถางดอกไม้และแจกันได้

Recycle ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทำจากพลาสติกโพลิโพรพิลีน (Polypropylene: PP) และฉลากทำมาจากกระดาษซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลได้

รายละเอียด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดถ้วย ตรา 3 NOR 

1.ถ้วยบรรจุภัณฑ์ทำจากพลาสติกโพลิโพรพิลีน (Polypropylene: PP) ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน และสามารถนำไปรีไซเคิลได้หลังการใช้งาน นอกจากนี้ ฉลากของถ้วยยังทำจากกระดาษที่สามารถรีไซเคิลได้เช่นกัน ทำให้ทั้งถ้วยและฉลากสามารถเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดปริมาณขยะและสนับสนุนแนวทางการจัดการวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

2.ฝาปิดทำมาจาก กระดาษเคลือบไบโอพลาสติก ชนิด Starch-based Plastics โดยไม่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติกเมื่อย่อยสลาย และสามารถย่อยสลายได้ในกระบวนการรีไซเคิลกระดาษ ซึ่งทำให้กระบวนการจัดการขยะง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้มีการแทรกเมล็ดพันธุ์ผักและดอกไม้ไว้ตามเส้นใยกระดาษเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบรรจุภัณฑ์

3.ซองเครื่องปรุงติดอยู่กับฝาปิด ทำมาจากกระดาษเคลือบไบโอพลาสติกโดยจะมีรอยประเพื่อฉีกเครื่องปรุง ช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการรับประทาน

4.ส้อมทำมาจากชานอ้อย ที่ทนความร้อน-เย็น ได้ตั้งแต่ -40 ถึง 220 องศาเซลเซียส ซึ่ง ไม่ก่อให้เกิดสารพิษหรือสารเคมีอันตรายเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรืออาหาร และสามารถย่อยสลายได้เองในธรรมชาติ ภายใน 45 วัน 

5.สามารถ Reuse ถ้วย เป็นกระถางหรือแจกัน โดยมีรอยประให้ผู้บริโภคตัดตามเพื่อให้เกิดรูปทรงที่สวยงาม 

        บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรา 3 NOR ชนิดถ้วยแบบใหม่มีการปรับปรุงอย่างมากในด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน วัสดุที่ใช้มีความสามารถในการย่อยสลายและรีไซเคิลได้ดีขึ้น ลดการก่อให้เกิดไมโครพลาสติกและขยะพลาสติกที่ย่อยสลายยาก นอกจากนี้ยังเพิ่มฟังก์ชันการใช้ซ้ำของถ้วยบรรจุภัณฑ์ ช่วยส่งเสริมแนวคิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ขณะที่แบบเดิมเน้นการใช้วัสดุพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง ซึ่งส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ข้อดีและข้อเสียของบรรจุภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา 3 NOR ชนิดถ้วย

ข้อดี

 1. ลดขยะพลาสติกด้วยการใช้วัสดุที่ Reduce Reuse Recycle ได้

 2. ลดการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในอาหาร 

3. เพิ่มความสะดวกในการใช้งานและเตรียมอาหารได้เร็วขึ้น 

 4. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้วยการสื่อสารความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

ข้อเสีย

1. ราคาอาจสูงขึ้น  การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่รวมเครื่องปรุงในตัวอาจเพิ่มต้นทุนการผลิต ทำให้ราคาสินค้าสูงกว่าผลิตภัณฑ์แบบเดิมเล็กน้อย
2. ข้อจำกัดด้านวัสดุ  การหาวัสดุที่ย่อยสลายได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจทำให้ผลิตภัณฑ์มีข้อจำกัดในด้านความคงทน และอาจเพิ่มต้นทุนในการผลิตหากต้องใช้วัสดุเฉพาะ

4P’s 

1. Product (ผลิตภัณฑ์)

ชื่อผลิตภัณฑ์: 3 NOR (สามหน่อ) 

คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์: เน้นวัตถุดิบคุณภาพสูงที่ดีต่อสุขภาพ เช่น บะหมี่เส้นธัญพืช เส้นจากข้าวกล้อง หรือเครื่องปรุงที่มีโซเดียมต่ำ

บรรจุภัณฑ์: บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ เช่น กระดาษ หรือพลาสติกชีวภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลได้ง่าย

2. Price (ราคา)

ราคาต่อหน่วย: ราคาถ้วยละ 39 บาท  ปริมาณ 60 กรัม/ถ้วย

กลยุทธ์ราคา: เน้นใช้ value-based pricing คือการตั้งราคาตามคุณค่าที่ผู้บริโภคมองเห็น ทั้งในเรื่องของความยั่งยืนและสุขภาพ ซึ่งราคาอาจจะอยู่ในช่วงกลางถึงสูงกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไป เนื่องจากใช้วัตถุดิบคุณภาพและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. Place (สถานที่จัดจำหน่าย)

ช่องทางจัดจำหน่ายหลัก: ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำในเขตเมือง รวมถึงร้านค้าออนไลน์ (Marketplace) และแพลตฟอร์ม e-commerce

การจัดจำหน่ายออนไลน์: ส่งเสริมการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยการใช้กลยุทธ์จัดส่งรวดเร็ว และจัดโปรพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

การจัดวางสินค้า: วางสินค้าในจุดที่มองเห็นได้ง่าย เช่น ใกล้กับสินค้าออร์แกนิกหรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

4. Promotion (การส่งเสริมการขาย)

Advertising (โฆษณา): 

ใช้กลยุทธ์ Green Marketing เน้นการสื่อสารที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนและสุขภาพ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกว่ากำลังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

Public Relations (ประชาสัมพันธ์):  

ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือหลักในการโปรโมต โดยเน้นการทำคอนเทนต์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม การรีไซเคิล และการสร้างคุณค่าให้กับบรรจุภัณฑ์

Sales Promotion (ส่งเสริมการขาย): 

ส่งเสริมการให้ลูกค้าได้ทดลองชิมสินค้าในห้างสรรพสินค้า หรือออกบูธในงานเกี่ยวกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มความเข้าใจในจุดขายของผลิตภัณฑ์

ส่งเสริมการซื้อแบบจำนวนมากด้วยการให้ส่วนลดหรือของแถม เช่น ซื้อ 1 แถม 1 แพ็ก หรือส่วนลดเมื่อซื้อครบจำนวนที่กำหนด

Personal Selling (การขายตรง): 

กิจกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพ เพื่อแนะนำสินค้าโดยตรง รวมถึงแสดงวิธีการใช้บรรจุภัณฑ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์หรือการนำไปใช้งานอื่น ๆ

       แนวทาง 4P’s นี้ออกแบบมาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันก็สร้างความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไปด้วยจุดขายที่ชัดเจน

กิจกรรมการตลาดและพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์  

กิจกรรมทางการตลาด

“3 NOR Green Challenge”

Objective:

1.สร้างการรับรู้ของบรรจุภัณฑ์ใหม่ของบะหมี่ 3 NOR ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

2.สร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ 3 NOR เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมรักษ์โลก

3.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า หรือสร้างประสบการณ์ตรงให้ผู้บริโภคได้สัมผัสผลิตภัณฑ์และแบรนด์อย่างใกล้ชิด

4.ชวนให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการเผยแพร่แคมเปญผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยการโพสต์ภาพหรือวิดีโอ

5.กระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการอยากซื้อผลิตภัณฑ์

Details:

แคมเปญ #3NORGreenChallenge: ชวนผู้บริโภคส่งภาพหรือวิดีโอที่แสดงให้เห็นถึงการนำบรรจุภัณฑ์ 3 NOR ไปใช้ประโยชน์  อย่างการปลูกต้นไม้ ทำงานฝีมือ ผ่าช่องทางโซเชียล     พร้อมแฮชแท็ก #3NorGreenChallenge  และให้รางวัลผู้ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด  

กิจกรรม Workshop: จัดเวิร์คช็อปสอนทำอาหารจากบะหมี่ 3 NOR พร้อมสอนวิธีการนำบรรจุภัณฑ์ไปรีไซเคิลหรือใช้ประโยชน์อื่นๆ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาพิเศษ เช่น ซื้อ 1 แถม 1, ลดราคาพิเศษ

Influencer Marketing: ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่รักษ์สิ่งแวดล้อม รีวิวผลิตภัณฑ์และส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน

3 NOR Community: สร้างกลุ่มบนโซเชียลมีเดียเพื่อให้ลูกค้าได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น, แบ่งปันไอเดีย และร่วมกิจกรรมต่างๆ

Content Marketing: สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เช่น บทความ, วิดีโอ, อินโฟกราฟิก ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของ 3 NOR, ประโยชน์ของการลดขยะ และวิธีการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ผ่านช่องทาง Facebook, Instagram, TikTok, อื่น ๆ 

การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์ (KPI)

1.การวัดผลการรับรู้บรรจุภัณฑ์ใหม่

- จำนวนการเข้าถึง (Reach) และการมองเห็น (Impressions) ของโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญ

- การสำรวจความรู้สึกเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ใหม่ก่อนและหลังแคมเปญ

- จำนวนการใช้แฮชแท็ก #3NorGreenChallenge

2.การวัดผลภาพลักษณ์แบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

- การกล่าวถึงแบรนด์ในสื่อ (Media Mentions) โดยเฉพาะในบริบทที่เกี่ยวกับการรักษ์สิ่งแวดล้อม

- การสำรวจภาพลักษณ์แบรนด์จากลูกค้าหลังแคมเปญ

3.การวัดผลความสัมพันธ์กับลูกค้าและประสบการณ์แบรนด์

- จำนวนผู้เข้าร่วมในกิจกรรม Workshop

- ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรม (Customer Satisfaction) ผ่านแบบสอบถาม

- คะแนนความสัมพันธ์กับแบรนด์ (Brand Loyalty Score) จากการสำรวจ

4.การวัดผลการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย

- จำนวนโพสต์จากผู้บริโภคที่ใช้แฮชแท็ก #3NorGreenChallenge

- จำนวนการแท็ก (Mentions) และการแชร์โพสต์ในโซเชียลมีเดีย

- อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) เช่น ไลค์ แชร์ และคอมเมนต์ในโพสต์ของแบรนด์

5.การวัดผลการกระตุ้นยอดขาย

- การเพิ่มขึ้นของยอดขายในช่วงแคมเปญ

- จำนวนการสั่งซื้อหลังแคมเปญ

- อัตราการแปลงจากการมีส่วนร่วมในโซเชียลมีเดียไปสู่การซื้อ (Conversion Rate)