SCGP

อะโวเลต์

Idea Tank
Team : PPG

Member

Ms Ploypilin Kaithongdee

Ms Wanrisa Wannakhamphui

การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์

การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์ AvoLait เน้นไปที่การสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ความยั่งยืนทางธุรกิจ และการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 เป้าหมายหลัก ได้แก่

  1. การสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่ง

เป้าหมาย : สร้างแบรนด์ให้เป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์นมพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและดีต่อสุขภาพ เน้นจุดเด่นเรื่องส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ ปราศจากแลคโตส และอุดมไปด้วยไขมันดีจากอะโวคาโด

  1. การขยายกลุ่มเป้าหมายและฐานลูกค้า

เป้าหมาย : เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น เช่น ผู้บริโภคสายสุขภาพ ผู้ที่แพ้แลคโตส หรือผู้บริโภคที่สนใจผลิตภัณฑ์วีแกน

  1. การเน้นความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เป้าหมาย : แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนในทุกด้าน พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้หรือรีไซเคิลได้ เพื่อช่วยลดขยะและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

  1. การเพิ่มการเข้าถึงผ่านช่องทางการตลาดและการจัดจำหน่าย 

เป้าหมาย : ขยายช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น e-commerce และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่นิยมช้อปปิ้งออนไลน์ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าเพื่อสุขภาพ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้น

  1. การกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และรายละเอียด Insight ของกลุ่มเป้าหมาย

1. ลูกค้ากลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพที่ต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติ ปราศจากสารปรุงแต่ง และมีประโยชน์ต่อร่างกาย

พฤติกรรมการซื้อ : มีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องการดูแลสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ปราศจากสารกันบูด หรือมีส่วนประกอบจากพืช

2. ลูกค้ากลุ่มผู้แพ้นมวัวหรือแพ้แลคโตส ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากแลคโตสแต่ยังให้คุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน รวมถึงมีรสชาติที่ดีและย่อยง่าย

พฤติกรรมการซื้อ : มีความใส่ใจในฉลากผลิตภัณฑ์ เช่น ตรวจสอบส่วนผสมอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการแพ้

3. ลูกค้ากลุ่มผู้บริโภควีแกนหรือผู้ที่ทานพืชเป็นหลัก ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่มาจากพืช ไม่ใช้ส่วนผสมจากสัตว์และไม่มีการทดลองกับสัตว์

พฤติกรรมการซื้อ :  ชอบสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของการทานพืช และมักตรวจสอบแบรนด์ว่ามีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่

กระดาษที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์: กระดาษคราฟท์แบบแข็ง

ฝาบรรจุภัณฑ์: พลาสติก

ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ: นมอะโวคาโด้ Lactose free

  1. ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้หรือย่อยสลายได้ เช่น กระดาษรีไซเคิล หรือพลาสติกชีวภาพเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  2. ลดปริมาณวัสดุและน้ำหนักบรรจุภัณฑ์ โดยการใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาและประหยัดพื้นที่ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรในการขนส่ง ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยคาร์บอน และออกแบบให้ใช้วัสดุเท่าที่จำเป็นเพื่อลดขยะ โดยไม่ลดทอนความแข็งแรงและคุณภาพ
  3. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำในชีวิตประจำวันได้ เช่น ขวดแก้วหรือขวดที่สามารถเติมนมได้ ช่วยส่งเสริมการลดขยะจากบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว
  4. การออกแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิต ตั้งแต่กระบวนการผลิต การใช้งาน การขนส่ง และการกำจัดทิ้ง ต้องมีการพิจารณาว่าบรรจุภัณฑ์จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร เช่น ใช้พลังงานน้อยที่สุดในการผลิตและขนส่ง วัสดุควรแยกประเภทได้ง่ายและสะดวกต่อการรีไซเคิล เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์แบบชั้นเดียวที่ทำจากวัสดุเดียวเพื่อลดความซับซ้อนในการรีไซเคิล
  5. ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม โดยสนับสนุนเกษตรกรและชุมชนท้องถิ่น โดยสื่อสารผ่านบรรจุภัณฑ์ถึงการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกอะโวคาโดในท้องถิ่น หรือชุมชนที่ปลูกวัตถุดิบแบบยั่งยืน เพื่อสร้างความรับรู้แก่ผู้บริโภคว่าพวกเขามีส่วนร่วมในการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น
  6. การออกแบบเพื่อดึงดูดใจและให้ความรู้แก่ผู้บริโภค เช่น การระบุข้อมูลบนบรรจุภัณฑ์ เช่น วิธีการทิ้งบรรจุภัณฑ์อย่างถูกต้อง หรือข้อดีของการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเลือกใช้กราฟิกและสีสันที่สะท้อนความเป็น ธรรมชาติและความสดชื่นของผลิตภัณฑ์ เช่น การใช้สีเขียวที่สื่อถึงความสดใหม่ และลวดลายธรรมชาติที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูใกล้ชิดกับธรรมชาติ
  7. บรรจุภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยใช้วัสดุที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยวัสดุที่ใช้ควรปราศจากสารเคมีอันตราย หรือสารพิษที่สามารถปนเปื้อนลงในอาหาร ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการของนมอะโวคาโด เช่น ปริมาณไขมันดี วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ บนบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ถึงประโยชน์ของการบริโภคผลิตภัณฑ์นี้
  1. กิจกรรมการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์

การใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับผลิตภัณฑ์ AvoLait เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด รวมไปถึงการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีดังนี้

1. การสร้างสตอรีแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์

ตัวอย่างเช่น การเล่าเรื่องราวของกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน การสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นที่ปลูกอะโวคาโด หรือการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

ข้อมูลเกี่ยวกับคุณค่าของผลิตภัณฑ์ เช่น การให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการหรือการประโยชน์ของการบริโภคนมอะโวคาโดที่ทำจากพืช ซึ่งสามารถทำให้ผู้บริโภครับรู้ถึงความแตกต่างและคุณค่าของผลิตภัณฑ์มากขึ้น

2. แคมเปญการตลาดเชิงสิ่งแวดล้อม

การใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษที่สามารถรีไซเคิล แสดงให้ผู้บริโภคเห็นถึงความตั้งใจของแบรนด์ในการลดปริมาณขยะและส่งเสริมการรีไซเคิล ผ่านการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

ส่งเสริมแคมเปญ "Refill" หรือ "Reuse" สามารถสร้างแคมเปญที่ส่งเสริมการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ซ้ำ (reuse) หรือมีการตั้งจุดรับคืนบรรจุภัณฑ์เพื่อรีไซเคิล นอกจากนี้ อาจมีการให้ส่วนลดหรือของขวัญพิเศษสำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิล

3. การใช้บรรจุภัณฑ์เป็นเครื่องมือในการสร้างการมีส่วนร่วม

บรรจุภัณฑ์กระดาษสามารถออกแบบให้มี QR code ที่เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์ โซเชียลมีเดีย หรือเนื้อหาที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของนมอะโวคาโด โดยอาจเป็นวิดีโอหรือบทความเกี่ยวกับสุขภาพ ความยั่งยืน หรือไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคผลิตภัณฑ์

การใช้ AR (Augmented Reality) บรรจุภัณฑ์สามารถทำให้ผู้บริโภคสแกนและเข้าถึงเนื้อหาผ่านเทคโนโลยี AR เพื่อให้เห็นถึงเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ การปลูกอะโวคาโด หรือกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนในรูปแบบที่น่าสนใจและโต้ตอบได้

4. การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์

ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สื่อถึงความเป็นธรรมชาติและสุขภาพ โดยใช้สัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับการรีไซเคิลและการใช้วัสดุที่ยั่งยืน

5. แคมเปญการตลาดที่สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม

ตัวอย่างเช่น แคมเปญ "หนึ่งกล่อง หนึ่งต้นไม้" ผู้บริโภคที่ซื้อผลิตภัณฑ์สามารถมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ โดยทุกครั้งที่มีการซื้อบรรจุภัณฑ์กระดาษของนมอะโวคาโด แบรนด์จะร่วมบริจาคหรือปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

การร่วมมือกับองค์กรหรือโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม การร่วมมือกับองค์กรที่สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติหรือโครงการรีไซเคิล จะสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ในเชิงบวกและดึงดูดลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

  1. การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์

เป็นกระบวนการสำคัญในการประเมินความสำเร็จของแคมเปญการตลาดและการสร้างแบรนด์ โดยสามารถช่วยในการปรับปรุงกลยุทธ์และทิศทางของผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีดังนี้

1. การวัดการรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์

การสำรวจการรับรู้แบรนด์ ทำการสำรวจเพื่อวัดว่าผู้บริโภครู้จักและจดจำแบรนด์นมอะโวคาโดได้หรือไม่ โดยการใช้แบบสอบถามหรือการสัมภาษณ์

การประเมินความรับรู้เกี่ยวกับคุณค่าของแบรนด์ วัดว่าผู้บริโภคมองเห็นคุณค่าของนมอะโวคาโดในแง่ของการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความยั่งยืนหรือไม่ เพื่อประเมินว่าภาพลักษณ์ที่ต้องการสื่อออกไปตรงกับที่ผู้บริโภคคิดหรือไม่

2. การวัดความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า

การวัดระดับความพึงพอใจของลูกค้า โดยใช้การสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าเกี่ยวกับประสบการณ์ในการบริโภคนมอะโวคาโด ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์

3. การวัดผลตอบแทนจากการลงทุนทางการตลาด

การวัด ROI จากแคมเปญโฆษณาและการตลาด โดยใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics, Facebook Insights, หรือแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์จากโฆษณา

การเปรียบเทียบยอดขายก่อนและหลังแคมเปญ การวัดยอดขายในช่วงก่อนและหลังจากที่มีการทำแคมเปญทางการตลาด เพื่อดูว่ามีการเติบโตของยอดขายที่เกิดจากการทำแคมเปญหรือไม่

4. การวิเคราะห์ความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค เช่น พฤติกรรมการซื้อซ้ำ, ระยะเวลาที่ใช้ในการตัดสินใจซื้อ และแหล่งที่มาของลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์นมอะโวคาโด

การติดตามกลุ่มเป้าหมายบนโซเชียลมีเดีย วัดผลการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย เช่น จำนวนการมีส่วนร่วม, จำนวนการแสดงความคิดเห็น, การกดไลค์ หรือการแชร์เนื้อหา

5. การวิเคราะห์ตลาดและการเติบโตของแบรนด์

การวัดส่วนแบ่งทางการตลาด ประเมินว่านมอะโวคาโดมีส่วนแบ่งทางการตลาดเท่าไรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยใช้ข้อมูลจากหน่วยงานหรือแพลตฟอร์มที่วิเคราะห์ตลาด

การวัดการเติบโตของแบรนด์ ประเมินการเติบโตของแบรนด์ในด้านต่าง ๆ เช่น ยอดขาย จำนวนลูกค้าใหม่ และการขยายตัวของแบรนด์ไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ หรือกลุ่มเป้าหมายใหม่

6. การวิเคราะห์ผลการสื่อสารและคอนเทนต์

การวัดผลการตอบรับจากเนื้อหา วิเคราะห์ว่าคอนเทนต์ทางการตลาด เช่น โพสต์ในโซเชียลมีเดีย วิดีโอ หรือบทความที่เกี่ยวกับนมอะโวคาโดได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างไร โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ เช่น Google Analytics, Facebook Insights หรือ Instagram Insights

วัดผลการสื่อสารทางการตลาด วัดว่าข้อความหลักที่ต้องการสื่อออกไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายถูกเข้าใจอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยการสำรวจหรือทำวิจัยตลาดเพื่อประเมินว่าผู้บริโภคเข้าใจข้อความสำคัญของแบรนด์ได้อย่างไร

other Ideas