แพ็คบะหมี่เบ่งบาน

Team : Winx
Member
Ms Nittayaporn Wetchayangkoon
Ms Sataporn Bonrod
1.การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ
มีการใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ดังนี้คือ SWOT Analysis และ PESTEL Analysis เพราะทำให้เห็นภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับสถานการณ์และปัจจัยที่อาจมีผลต่อการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ได้ดีขึ้น
SWOT Analysis
1.Strengths(จุดแข็ง)
-สามารถวางในสถานที่ที่มีพื้นที่ค่อนข้างเล็กได้ เช่น หอ คอนโด
-การสุ่มดอกไม้ที่จะได้เอาไปปลูก
-ผลิตภัณฑ์มีการเข้าถึงได้ง่าย
-ภาพลักษณ์ของแบรนด์ทำให้ได้รับการยอมรับจากสังคมที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม
2.Weaknesses(จุดอ่อน)
-ข้างในตัวผลิตภัณฑ์ยังไม่สามารถดูเรื่องปริมาณในการรดน้ำได้ว่าเติมถึงจุดไหนแล้ว ทำให้ต้องยกชั้นออกบ้าง
3.Opportunities(โอกาส)
-คนเริ่มหันมารักสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในช่วงปัจจุบัน ทำให้มีโอกาสในการตีตลาด
-กระแสการสุ่มประเภทของเล่นกำลังมาแรง
4.Threats(อุปสรรค)
-อาจเกิดคู่แข่งที่จะพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบเดียวกัน
-หากเศรษฐกิจไม่ดี ผู้บริโภคอาจซื้อผลิตภัณฑ์ที่ราคาถูกกว่า
ในส่วนการทำPESTEL Analysis ได้ดังนี้
1.Political(การเมือง)
-นโยบายสนับสนุนสิ่งแวดล้อม
รัฐบาลมีการสนับสนุนสิ่งแวดล้อมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและอาจมีการให้เงินสนับสนุนโครงการเพื่อให้นำมาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น โครงการWaste to Wealth ที่มีการผลักดันให้มีนโยบายลดการใช้ทรัพยากรใหม่
2.Economic (เศรษฐกิจ)
-ความนิยมของบรรจุภัณฑ์ที่ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในด้านการลดขยะอาจส่งผลต่อยอดขาย ทำให้เป็นโอกาสทางธุรกิจได้
-การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนและทำให้มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
3.Social(สังคม)
การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมาปลูกดอกไม้ต่อได้จากตัวผลิตภัณฑ์เดิมทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้า อาจทำให้ผู้บริโภคสนใจเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
4.Technological(เทคโนโลยี)
มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆและการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อให้การบรรจุภัณฑ์สามารถรักษาความสดของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเมล็ดดอกไม้ที่อยู่ข้างในให้สามารถนำไปปลูกต่อได้
5.Environmental(สิ่งแวดล้อม)
บรรจุภัณฑ์ที่สามารถปลูกดอกไม้ได้ซึ่งจะทำให้เป็นการลดขยะหลังการใช้และลดการจัดการขยะในระยะยาว
6.Legal(กฎหมาย)
บริษัทต้องมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดเรื่องใช้วัสดุที่ไม่เป็นพิษและสามารถย่อยสลายได้ เนื่องจากการที่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเมล็ดดอกไม้ที่ใช้สำหรับปลูกอยู่ในบรรจุภัณฑ์เดียวกันจึงต้องเลือกใช้วัสดุที่ไม่ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค
2.การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์
มีการกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์ดังนี้
1.การออกแบบบรรจุภัณฑ์
- ภายในระยะเวลา1-2 สัปดาห์ในการวาดโครงร่างบรรจุภัณฑ์
- ภายในระยะเวลา1-2เดือนในการหาวัสดุ
- ภายในระยะเวลา3-4เดือน ขึ้นการออกแบบและสั่งผลิต(เพื่อทดลอง)
2.เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่สามารถช่วยลดเรื่องขยะและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการปลูกดอกไม้ภายใน 12 เดือน
3.การลดปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ถูกทิ้งในสิ่งแวดล้อมลง 40% ภายใน 1 ปี
4.ลูกค้าเข้าร่วมแคมเปญกับทางแบรนด์ ประมาณ1,200คน ภายในระยะเวลา3-4 เดือน ซึ่งทางแบรนด์มีกลยุทธ์คือ
5.เพิ่มความภักดีต่อแบรนด์จากการสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยลูกค้าประมาณ 20% จะมีแนวโน้มที่กลับมาซื้อซ้ำจากการเห็นคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม
3.การกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และรายละเอียด Insight ของกลุ่มเป้าหมาย
ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ได้แก่
-ผู้ที่ชอบบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
-Generations Z (อายุ17-27ปี)
-นักเรียนและนักศึกษา
ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก ซึ่งสัมภาษณ์นักเรียน นักศึกษาที่อายุประมาณ17-20ปี เป็นจำนวนสัมภาษณ์ประมาณ 10 คน มีการใช้คำถามสัมภาษณ์ดังนี้
ส่วนที่1 สิ่งแวดล้อมและขยะ
1.คุณคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
2.คุณมีปัญหาเรื่องขยะไหม
3.คุณมีปัญหาเกี่ยวกับขยะเรื่องอะไรบ้าง
4.คุณคิดว่าขยะส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมไหม
5.ปัญหาขยะส่งผลอย่างไรในบ้าง
ส่วนที่2 ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
1. คุณกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้มากน้อยแค่ไหน
2.ถ้าเกิดว่ามีบรรจุภัณฑ์ที่สามารถช่วยลดการเกิดขยะคุณคิดว่าอย่างไรบ้าง
3.คุณคาดหวังอะไรจากบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมบ้าง
4.อะไรเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คุณจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
5.คุณยินดีจะจ่ายเพิ่มไหมถ้าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ส่วนที่3 การพัฒนาแบรนด์บรรจุภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
1.ทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไหม
2.บ่อยแค่ไหน
3.ทานแบบซองหรือถ้วยมากกว่า
4.ทำไมถึงทานแบบซอง/ถ้วย เพราะว่าอะไร
5.ปกติแล้วคุณจะทิ้งถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปเลยไหมหรือว่าเอาไปทำอย่างอื่นต่อ
6.คุณนำถ้วยไปใช้ทำอะไรต่อบ้าง
7.คุณอยากเห็นนวัตกรรมหรือการปรับปรุงใดในบรรจุภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมไหม
8.อยากให้มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสอะไร
สรุปข้อมูลเชิงลึกจากคำถามได้ดังนี้
ส่วนที่ 1 สิ่งแวดล้อมและขยะ
- ความตระหนักต่อสิ่งแวดล้อม: ผู้ให้สัมภาษณ์หลายคน สังเกตเห็นเกี่ยวกับการลดลงของป่าไม้และการทิ้งขยะที่ไม่ถูกต้อง ผู้คนมีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น
- ปัญหาขยะ: ปัญหาขยะที่พบบ่อยได้แก่ ขยะพลาสติก การทิ้งขยะลงแม่น้ำหรือคลอง และการขาดถังขยะที่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของขยะที่ทำให้เกิดมลพิษ กลิ่นเหม็น และการอุดตันของท่อระบายน้ำซึ่งส่งผลให้น้ำท่วม
- ผลกระทบ: ผู้ให้สัมภาษณ์เห็นว่าขยะมีผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและดิน และทำลายระบบนิเวศ
ส่วนที่ 2 ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ความกังวลเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์: ผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ เช่น พลาสติกและโฟม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
- การสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: มีการสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยลดการเกิดขยะ โดยผู้ให้สัมภาษณ์เชื่อว่าบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนและมลพิษทางสิ่งแวดล้อม
- ความคาดหวัง: ผู้ให้สัมภาษณ์ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริง พกพาสะดวก ย่อยสลายได้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ปัจจัยในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้แก่ สี รูปแบบ และความสะดวกในการใช้งาน
ส่วนที่ 3 การพัฒนาแบรนด์บรรจุภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
- พฤติกรรมการบริโภค: บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสิ่งที่บริโภคเป็นครั้งคราว โดยส่วนใหญ่จะเลือกบริโภคเมื่อมีงบประมาณจำกัด
- ความชอบในบรรจุภัณฑ์: ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ชอบแบบซองมากกว่าถ้วย เนื่องจากประหยัดพื้นที่และใช้วัสดุน้อยกว่าแต่ถ้าได้ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่งจะทำการทิ้งถ้วยเพราะรู้สึกว่าใช้ทำอะไรต่อไม่ได้ บางคนต้องการให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การผสมผงปรุงรสเข้าไปในเส้นบะหมี่เพื่อลดการใช้พลาสติก
- การปรับปรุงเพื่อสิ่งแวดล้อม: ผู้ให้สัมภาษณ์ต้องการเห็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ และบางคนอยากได้รสชาติใหม่ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์และเข้ากับท้องถิ่น
4.การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ
บรรจุภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีการออกแบบให้สามารถใช้ประโยชน์ต่อได้หลังจากที่รับประทานไปแล้วเพื่อช่วยลดการทิ้งขยะ และผลิตภัณฑ์ของเราจะมีการใส่ผงปรุงลดลงไปในบรรจุภัณฑ์เลยเพื่อลดการใช้พลาสติกรวมถึงการใช้คิวอาร์โค้ดแทนการใช้กระดาษเพื่ออธิบายการปลูกดอกไม้
5.กิจกรรมการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์
การตลาด 4‘P หรือ Marketing Mix
1.Product (ผลิตภัณฑ์)
บรรจุภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่สามารถนำไปปลูกดอกไม้ต่อได้ทำให้ลดขยะและมีการสุ่มเมล็ดดอกไม้ที่ใส่ในแต่ละสินค้าเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นเวลาดอกไม้โตขึ้น
2.Price(ราคา)
ตั้งราคาไว้ที่ประมาณ 65 บาท
3.Place(ช่องทางการจัดจำหน่าย)
-จัดจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-11 ซูเปอร์มาร์เก็ต
-ช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee Lazada Facebook
4.Promotion(การส่งเสริมการขาย)
-การโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย โดยให้เห็นถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เราที่ช่วยลดการใช้ขยะและการได้ปลูกดอกไม้จากบรรจุภัณฑ์เดิม
-แคมเปญ โดยการทำกิจกรรมเช่น ให้ลูกค้าร่วมแชร์ภาพการใช้บรรจุภัณฑ์บะหมี่กึ่งสําเร็จรูปของเราในการปลูกดอกไม้ที่ได้ให้มา เพื่อลุ้นรับรางวัล
-มีการทำโปรโมชันในช่องทางออนไลน์ เช่น 12.12 11.11เป็นต้นในการทำส่วนลด และเดือนมิถุนายนจะจัดโปรโมชันเฉพาะวันที่ 5 ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก โดยจะมีการให้การ์ดความหมายดอกไม้ส่งไปพร้อมผลิตภัณฑ์
6.การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์
KPI
1.มียอดขายภายในระยะ3เดือน เป็น20%
2.ลูกค้ามีการนำบรรจุภัณฑ์ใช้งานต่อในการใช้ปลูกเมล็ดดอกไม้ประมาณ35%
โดยวิธีวัดผลคือ การติดตามผลผ่านแคมเปญที่เราจัดไว้ หรือการติดตามผลทางโซเซียลมีเดีย
เป้าหมายเชิงปริมาณ 1,500 รีวิวหรือการแชร์ภาพต้นไม้จากบรรจุภัณฑ์ภายในระยะเวลา 6 เดือน
3.ลูกค้า 25% ปลูกดอกไม้จากบรรจุภัณฑ์สำเร็จ
วิธีวัดผลคือ สำรวจข้อมูลลูกค้าผ่านการแชร์ภาพ
4.คะแนนความพึงพอใจของลูกค้าไม่น้อยกว่า4.5จาก 5คะแนนหลังจากการใช้บรรจุภัณฑ์
วิธีวัดผลคือ การทำสำรวจผ่านแบบสอบถามออนไลน์หรือรีวิวหลังซื้อผ่านโซเชียล
6.ลูกค้ามีการกลับมาซื้อซ้ำเพิ่มขึ้นเป็น5%