PHOM

1. การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ

Market Situation

ภาพรวมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมทั่วโลกในปี 2565 มีมูลค่าถึง 8.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกันในปี 2571 ทาง IMARC Group คาดว่าตลาดจะมีมูลค่าถึง 1.07 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในช่วงระหว่างปี 2566-2571 จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 4.4% เนื่องจากในอนาคตปัญหาของเส้นผมจะมีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมีจำหน่ายมากมายผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดรังแคที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติจะปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด

ตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผมของประเทศไทยในปัจจุบัน มีมูลค่าสูงถึง 5.8 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น กำลังซื้อภายในประเทศ มูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ประกอบด้วย แชมพู คอนดิชันเนอร์ ทรีทเมนท์มาส์ก ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด คิดเป็นสัดส่วนถึง 82% หรือประมาณ 27,000 ล้านบาท ส่วนผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม มีสัดส่วนในตลาด 13%, ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม มีสัดส่วน 4% และผลิตภัณฑ์ยืด/ดัดผม มีสัดส่วน 1% 

สกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่เราใช้แล้วทิ้งนั้นมากกว่า 70% กลายเป็นขยะพลาสติกที่ต้องฝังกลบ เพราะไม่สามารถรีไซเคิลได้ ในแต่ละวันเราสร้างขยะให้โลกประมาณ 1.14 กิโลกรัมต่อวันต่อคน และบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางสร้างขยะจำนวนมาก

ซึ่งขยะส่วนใหญ่เป็นขยะพลาสติกจาก Packaging ต่าง ๆ ซึ่งองค์กร Zero Waste รายงานว่า อุตสาหกรรมเครื่องสำอางเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาขยะจากบรรจุภัณฑ์มากกว่า 120 ล้านชิ้นต่อปี โดย 95% เป็นพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง แล้วส่วนใหญ่เป็นขยะที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ จึงเกิดเทรนด์ Sustainability Beauty หรือเทรนด์ความงามยั่งยืน ที่ให้ความสำคัญทั้งบรรจุภัณฑ์ที่ Recycle ได้ นวัตกรรมใหม่ในการผลิตลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสูตรผสมที่มาจากธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีหรือใช้น้อยที่สุดเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพผู้บริโภค และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  

PESTEL

Political

1. รัฐบาลได้แสดงการสนับสนุนตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยโดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติหรือ Bio Based Beauty ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบาย S-Curve ของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตวัตถุดิบจากภาคการเกษตรที่สำคัญระดับโลก ทำให้มีความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เน้นความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม (กรมประชาสัมพันธ์,2566)
2. มาตรการลดขยะพลาสติกนี้เน้นการป้องกันตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-design) ลดสารพิษในผลิตภัณฑ์ และสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการรับผิดชอบของเสียของตนเอง (กรีนเน็ตเวิร์ด,2565)

Economy

1. การเติบโตของตลาดเครื่องสำอางจะเข้ามามีบทบาทในการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจหลักอย่างผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอาง รวมไปถึงผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้ส่งออกวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง ทั้ง ในกลุ่มวัตถุดิบจากธรรมชาติ วัตถุดิบสังเคราะห์ และสมุนไพรต่างๆ นอกจากนี้ ธุรกิจต่อเนื่องหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องทางอ้อมยังมีโอกาสได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน (ไทยพับลิก้า,2566)

Social

1. ปัจจุบันผู้คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น ผ่านผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในทุกเจเนอเรชั่น ซึ่งช่วยให้พวกเขามีสุขภาพที่ดี สวยและดูดีแบบเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะการบำรุงเส้นผมด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติและออร์แกนิคเป็นเทรนด์มาแรงในปี 2566 (sanook,2566)
2. Mordor Intelligence เผยว่า ในปี 2565 กลุ่มผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมสูตรออร์แกนิคมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ จากผลการวิจัยจาก DSM เปิดเผยว่า ตลาดโลกกำลังเผชิญกับความต้องการของผู้บริโภคที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคด้วยสารสกัดจากธรรมชาติเป็นจำนวนมาก เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับสารเคมีที่ผสมอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม เช่น สารกลุ่มพาราเบน และอะลูมิเนียม ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายกับพวกเขาได้ โดย 56% ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ “ส่วนผสมที่มีความปลอดภัย” มากกว่าแพ็คเกจ แบรนด์ และน้ำหอมในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม (sanook,2566)

Technology

1. เทคโนโลยีไบโอพลาสติกถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน โดยลดการใช้พลาสติกจากปิโตรเลียมซึ่งเป็นสาเหตุของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษอื่นๆ ที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน การผลิตไบโอพลาสติกนั้นสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับพลาสติกทั่วไป การใช้พืช เช่น อ้อย ข้าวโพด หรือวัสดุชีวมวลที่ไม่ใช่อาหารมาผลิตไบโอพลาสติกยังช่วยในการดูดซับคาร์บอนจากอากาศผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช

Environment

1. ปัจจุบันกระแสตื่นตัวในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากทั่วโลก ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป ทั้งการเลือกซื้อของอุปโภคของบริโภคและการเลือกใช้บริการ เพราะต้องการใช้ชีวิตประจำวันให้ส่งผลด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ธุรกิจต่างๆ ก็ขยับตัวปรับเข้าหาความยั่งยืน หรือ Sustainability มากขึ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคพร้อมๆ กัน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ธุรกิจได้รับกระแสตอบรับที่ดีขึ้นแล้ว ในทางบริหารจัดการ การขยับตัวเข้าสู่ความยั่งยืนยังช่วยส่งผลดีกับธุรกิจด้วย เพราะแนวคิดที่ส่งเสริมให้ซื้อเท่าที่ใช้ และกระบวนการบริการที่ก่อให้เกิดขยะอย่างน้อยที่สุดนั้น สามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย (กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม,2562)

1. การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์

1. Brand Identity สร้างอัตลักษณ์แบรนด์ที่ชัดเจน

1.คุณค่าหลักของแบรนด์ เช่น ความเป็นออร์แกนิค และใช้บรรจุภัณฑ์ที่รักษ์โลก

2.ออกแบบโลโก้และสีที่สื่อถึงความเป็นออร์แกนิค

1. Brand Story สร้างเรื่องราวแบรนด์

1.นำเสนอความเป็นออร์แกนิคของแบรนด์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

1. Awareness สร้างการรับรู้แบรนด์

            1.การใช้การตลาดออนไลน์ ลงทุนในการโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, และ TikTok เพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย

            2.การทำคอนเทนต์ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ ความsustainability และให้ความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม

1. การกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และรายละเอียด Insight ของกลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายหลัก 

Eco-Minded นุ่น ศิริพันธุ์

1. อายุ: 30-45 ปี
2. รายได้: ระดับปานกลางถึงสูง
3. สถานภาพ: แต่งงานแล้วหรือมีครอบครัว
4. ที่อยู่อาศัย: ในเมืองหรือชานเมือง

พฤติกรรมการซื้อ: 

1. มักเลือกซื้อสินค้าที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยลดขยะและลดผลกระทบต่อธรรมชาติ รวมถึงสินค้าที่เป็นออร์แกนิคหรือมีการรับรองความปลอดภัยทางด้านสิ่งแวดล้อม เธอยังใส่ใจเรื่องส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผมและการใช้แพ็คเกจที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติ

แรงจูงใจ: 

1. ความต้องการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลาสติก และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ หรือครอบครัวในการดูแลโลก

Insight: 

1. มีความภูมิใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดขยะพลาสติก รู้สึกว่าการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อโลกในระดับส่วนตัวและครอบครัว ไม่คาดหวังเพียงแต่คุณภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่ดี แต่ยังมองหาแบรนด์ที่สะท้อนความเชื่อในด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

กลุ่มเป้าหมายรอง

Eco-Trendy ก้อย อรัชพร

1. อายุ: 24-35 ปี
2. รายได้: ระดับปานกลาง
3. สถานภาพ: โสดหรือคบหากับคนรัก
4. ที่อยู่อาศัย: ในเมือง

พฤติกรรมการซื้อ: 

1. คุณก้อย ชอบทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และชอบที่จะตามเทรนด์ที่เป็นที่นิยมในกลุ่มเพื่อน มองหาสินค้าที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบของผลิตภัณฑ์ที่ดูล้ำสมัย มีเอกลักษณ์ และสามารถโชว์บนโซเชียลมีเดียก็เป็นส่วนหนึ่งที่ดึงดูดใจ

แรงจูงใจ:

1. การรักษาภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

Insight: 

1. อยากใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะมันช่วยเสริมภาพลักษณ์ในสังคม และรู้สึกว่าการเลือกผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทำให้ดูมีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่ยังคงต้องการความล้ำสมัยและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์

1. การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ

Easy to use

Eco - Friendly

วัสดุ

ส่วนฝา - ทำมาจากพลาสติกประเภทโพลีโพรพิลีน (PP) หรือพลาสติกที่มาจากกระบวนการรีไซเคิล (PCR) ซึ่งเป็นทางเลือกที่รักษ์โลกที่สุด เนื่องจากพลาสติกโพลีโพรพิลีนมีความทนทานและใช้งานได้ดี และยังสามารถรีไซเคิลได้ง่าย เมื่อใช้งานร่วมกับกระบวนการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดพลังงานในการผลิต และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ส่วนซอง - ไบโอพลาสติก ผลิตขึ้นมาจากน้ำตาลจากพืชอย่าง อ้อย ข้าวโพด เพื่อทดแทนการใช้พลาสติกที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียมแบบเดิม ด้วยคุณสมบัติสำคัญคือสามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพ เมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม  จะทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียและเอนไซม์ต่าง ๆ จนทำให้พลาสติกจากพืชเหล่านี้สามารถย่อยสลายเองได้ ซึ่งเมื่อย่อยสลายหมดแล้ว จะกลายเป็นน้ำมวลชีวภาพ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทน ในสภาพที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นในดิน หรือกองปุ๋ยหมัก โดยไม่ทิ้งสารตกค้างต่อสิ่งแวดล้อม ที่ล้วนแล้วมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช

1. กิจกรรมตลาดและการพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์

สำหรับการพัฒนากิจกรรมทางการตลาดและแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์โดยใช้เครื่องมือ 4P และ IMC tools เราสามารถออกแบบกลยุทธ์ได้ดังนี้:

1. 4P (Product, Price, Place, Promotion) 

Product:

- บรรจุภัณฑ์ "PHOM" ใช้ไบโอพลาสติกจากชานอ้อยและข้าวโพด สามารถย่อยสลายได้ภายใน 180 วัน

- ฟังก์ชันการใช้ซ้ำ: บรรจุภัณฑ์สามารถนำกลับมาใช้เป็นกระถางปลูกต้นไม้ขนาดเล็ก ส่งเสริมการปลูกพืช

- เน้นการสื่อสารถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการดูแลโลกผ่านดีไซน์ที่สะอาดและเรียบง่าย

Price:

- กำหนดราคาที่เหมาะสมสำหรับตลาดที่รักษ์โลก ราคาควรอยู่ในช่วงกลางเพื่อเน้นถึงความยั่งยืนและคุ้มค่าต่อการใช้งานซ้ำ

Place:

- ช่องทางการจัดจำหน่าย:ออฟไลน์ผ่านหน้าร้าน ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าชั้นนำทั่วไป ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์แบรนด์และ e-commerce platform เช่น Lazada, Shopee รวมถึงร้านค้าที่เน้นสินค้ารักษ์โลกและออร์แกนิค

- แคมเปญเฉพาะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม

Promotion:

- ใช้แคมเปญ "Beauty Grows"กระตุ้นการมีส่วนร่วมให้ผู้บริโภคแชร์ภาพการนำบรรจุภัณฑ์ไปใช้ปลูกต้นไม้ในโซเชียลมีเดีย พร้อมติดแฮชแท็ก #BeautyGrows

- เสนอโปรโมชั่นพิเศษ เช่น การให้รางวัลสำหรับผู้ที่แชร์ภาพที่สร้างสรรค์ที่สุดในแต่ละเดือน

- จัดโครงการปลูกต้นไม้ในชุมชน ร่วมกับการบริจาคบางส่วนจากยอดขายเพื่อปลูกต้นไม้

 2. IMC (Integrated Marketing Communications) Tools

Advertising:

- โฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram และ TikTokโดยเน้นภาพลักษณ์ของการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความสวยงามของผมพร้อมการดูแลโลก

Public Relations (PR):

- ร่วมมือกับกลุ่มองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมในการสร้างโครงการปลูกต้นไม้ในชุมชน โดยจัดอีเวนต์หรือกิจกรรมรณรงค์

- สร้างบทความหรือวีดีโอการใช้งานบรรจุภัณฑ์ซ้ำเพื่อปลูกต้นไม้และแชร์แนวคิดรักษ์โลก

Sales Promotion:

- จัดโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ลดราคาสำหรับผู้ที่นำบรรจุภัณฑ์ไปรีไซเคิลหรือแชร์รูปภาพการนำบรรจุภัณฑ์ไปปลูกต้นไม้

- เสนอชุดของขวัญ (gift set) สำหรับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ครบจำนวนที่กำหนด

Personal Selling:

- ให้พนักงานขายได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เพื่อสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นไปที่ประโยชน์ของการใช้ซ้ำและความสามารถในการย่อยสลาย

Direct Marketing:

- ส่งอีเมลแคมเปญถึงลูกค้าที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับวิธีการนำบรรจุภัณฑ์ไปใช้ซ้ำ พร้อมแนะนำวิธีการปลูกต้นไม้

Digital Marketing:

- สร้าง Microsite สำหรับแคมเปญ "Beauty Grows"ที่จะเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการรีไซเคิลและการปลูกต้นไม้ผ่านการใช้บรรจุภัณฑ์ซ้ำ

- ใช้ SEO และ SEM เพื่อทำให้เว็บไซต์หรือแคมเปญติดอันดับสูงในผลการค้นหาสำหรับคำที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม

การใช้ 4P และ IMC tools ร่วมกันจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ "PHOM" ในฐานะผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงดูแลความงามของผู้บริโภค แต่ยังให้ความสำคัญกับการดูแลโลกและสิ่งแวดล้อม

1. การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์

1.ยอดการมีส่วนร่วมมากขึ้น

2.ยอดขายเพิ่มขึ้น

3.ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีจากการใช้ผลิตภัณฑ์

4.จำนวนซองไบโอพลาสติกที่ถูกนำกลับมาใช้ซ้ำ

5.ลูกค้าเดิมกลับมาซื้อซ้ำ