การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ 

1. การวิเคราะห์ SWOT:

1. วิเคราะห์จุดแข็ง (Strengths): สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับลูกค้า ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กระตุ้นภาพจำที่ดีให้กับแบรนด์
2. จุดอ่อน (Weaknesses): การผลิตที่ซับซ้อน ต้นทุนในการผลิตสูง
   
3. โอกาส (Opportunities) : การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านสิ่งแวดล้อม การขยายตลาดไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่
   
4. อุปสรรค (Threats): การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่อาจจะยังไม่พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนมาตระหนักถึงเรื่องความยั่งยืน ต้นทุนในการผลิตและวัสดุที่มีการผันผวนของราคาที่อาจส่งผลกระทบไปยังตัวผลิตภัณฑ์ได้
   

1. การวิเคราะห์คู่แข่ง: ตลาดเครื่องประดับที่มุ่งเน้นไปยังร้านค้าที่นำวัสดุรีไซเคิลหรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาเป็นบรรจุภัณฑ์

1. แนวโน้มของตลาด (Market Trends): ความต้องการในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือที่ใช้วัสดุธรรมชาติ

การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์

1. คุณค่าหลักของแบรนด์ (Core Brand Values): เน้นการใช้วัสดุที่ยั่งยืนและออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม

1. การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity)

การสร้างลูกเล่นให้ตัวบรรจุภัณฑ์สามารถนำมาประกอบต่อกันเป็นอุปกรณ์จัดเก็บหรือตั้งโชว์ได้ สร้างความประทับใจและเป็นที่จดจำ เพราะนอกจากฟังก์ชันในการใช้งานที่เป็นปกติตามทั่วไปแล้ว ลูกค้ายังสามารถมีส่วนร่วมให้การติดตั้งด้วยตนเอง ด้วยรูปแบบที่น่ารักและสวยงามนี้จะช่วยดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี ผนวกกับการใช้วัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้นั้นจะช่วยทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดีในด้านสิ่งแวดล้อม

1. ความยั่งยืน (Sustainability): มุ่งเน้นการใช้วัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์

การกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และรายละเอียด Insight ของกลุ่มเป้าหมาย

1. กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มคนที่สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมและต้องการพื้นที่จัดเก็บเครื่องประดับ เนื่องจากปัญหาเรื่องการจัดเก็บและนำมาใช้งานที่ไม่สะดวกของผู้ใช้

1. Insight: ลูกค้าชอบภาพลักษณ์ที่น่ารักสวยงาม เหมาะแก่การประดับตกแต่ง และช่วยให้หยิบจับเครื่องประดับได้สะดวกเมื่อนำกลับมาใช้งานใหม่ ไม่ปนกันเป็นกระจุก มองหาบรรจุภัณฑ์ที่มีสตอรี่เพิ่มสีสันให้ตัวสินค้าเพิ่มขึ้น

การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ

วัสดุของบรรรจุภัณฑ์

1. reduce: ลดทอนวัสดุที่ไม่จำเป็นหรือมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมา และพยายามออกแบบให้เหลือเศษวัสดุจากการสร้างบรรจุภัณฑ์น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

1. reuse: ให้บรรจุภัณฑ์มีหน้าที่ทั้งบรรจุสินค้า อีกทั้งสามารถนำมาสร้างเป็นอุปกรณ์จัดเก็บ ตั้งโชว์ตัวผลิตภัณฑ์และเป็นของประดับตกแต่งห้อง หรือ โต๊ะ ตามความต้องการของผู้ใช้ ทั้งนี้เพื่อใช้ทุกชิ้นส่วนในบรรจุภัณฑ์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้อย่างคุ้มค่า ไม่ให้เกิดปัญหาขยะที่ไม่จำเป็น

1. recycle: ใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ และมีชิ้นส่วนที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

กิจกรรมการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์ 

1. การเล่าเรื่องราวผ่านบรรจุภัณฑ์: บรรจุภัณฑ์ส่วนที่เป็นกระดาษจะมีสัญลักษณ์บ่งบอกว่าสามารถแกะชิ้นส่วนออกมาเพื่อประกอบเป็นที่จัดเก็บเครื่องประดับ ซึ่งเป็นการสื่อสารถึงแนวคิดที่สนับสนุนสิ่งแวดล้อม ในการนำวัสดุจากบรรจุภัณฑ์มาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์

1. จัดทำแคมเปญการตลาด: การตลาดเน้นเรื่องการซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างภาพลักษณ์แบรนด์

1. โซเชียลมีเดียและหน้าร้าน: ใช้สื่อโซเซียลมีเดียร่วมกับการออกแบบหน้าร้านเป็นพื้นที่โฆษณา หรือโปรโมทว่าเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ของเราไป ตัวบรรจุภัณฑ์สามารถนำไปสร้างเป็นตัวจัดเก็บที่น่ารักและสวยงามได้อีกด้วย

การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์

1. การวัดผลลัพธ์: วิเคราะห์ผลลัพธ์จากยอดขายที่ทำได้หลังจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์พร้อมบรรจุภัณฑ์รูปแบบนี้ ในเรื่องการรับรู้ของแบรนด์ ลูกค้าจะจดจำแบรนด์ได้จากรูปแบบของบรรจุภัณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ได้ และการมีส่วนร่วมในโซเชียลมีเดีย กระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า หรือการเป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ต

1. การสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า: สอบถามความพึงพอใจจากลูกค้าเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์และประสบการณ์การซื้อได้จาก feedback หรือรีวิวหลังการซื้อ

1. การวัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: ตรวจสอบว่าการใช้วัสดุยั่งยืนและการลดขยะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากน้อยแค่ไหน