Market situation 

ในปี 2566 ตลาดข้าวถุงในประเทศไทยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท โดยมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 3-4% ต่อปี แม้ว่าการบริโภคข้าวของคนไทยจะมีแนวโน้มลดลงจาก 100 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เหลือประมาณ 90 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เนื่องจากหลายคนเชื่อว่าการบริโภคข้าวจะทำให้น้ำหนักขึ้นและมีการหันไปบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้าวยังคงเป็นอาหารหลักของคนไทยและมีบทบาทสำคัญในด้านโภชนาการ เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย   ถึงแม้ความต้องการข้าวจะลดลง แต่ความสนใจในข้าวเพื่อสุขภาพ เช่น ข้าวกล้องและข้าวไม่ขัดสี ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ทั้งนี้ตลาดข้าวเพื่อสุขภาพมีมูลค่าประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตที่ดีไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสการขยายตัวของตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ข้าวที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพและความสะดวกสบายในการบริโภค 

PESTEL

Political 

รัฐบาลมีนโยบาลเร่งพัฒนาคุณภาพพืชผลทางการเกษตรของไทย ย้ำยกระดับราคาสินค้าทางการเกษตร ดันไทยเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก (Agriculture and Food Hub) ดันข้าวหอมมะลิไทย เป็น Soft Power 

Economics

การขยายตัวทางเศรษฐกิจ GDP อยู่ที่ 2.8% ในปี 2566 โดยการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ตามด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ชาติ,2566)

Social 

พฤติกรรมของผู้บริโภคด้านสื่อสังคม คนไทยใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักในการอัพเดตข่าวสารเป็นอันดับ 1 ของโลก (กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, 2021) ทำให้ข้าวตราฉัตรต้องสื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น

Technology

ข้าวหอมมะลิตราฉัตรที่พัฒนาการจัดเก็บข้าวสารด้วยเทคโนโลยีความเย็น 15°C เพื่อล๊อคความสดใหม่ ให้เหมือนกับข้าวต้นฤดูที่เพิ่งเก็บเกี่ยว คงคุณภาพในถุงเมทัลไลซ์ ทึบแสง ทำให้ข้าวมีกลิ่นหอม นุ่ม เหนียว พิเศษ 

Environment

ข้าวตราฉัตรได้นำนวัตกรรมระดับโลกมาใช้ในการผลิตถุง เพื่อรีไซเคิลแบบครบวงจร และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน ด้วยการลดพลาสติกและพลังงานในการผลิต (กรุงเทพธุระกิจ, 2021)

Legal

ภาษีคาร์บอนจัดเก็บโดยตรงจากกระบวนการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมตามมาตรการ EU- CBAM ของสหภาพยุโรป และประเทศไทยได้นำมาประยุกต์ใช้  (กรมควบคุมมลพิษ, 2566)

SWOT 

จุดแข็ง (Strengths)

-มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ข้าวตราฉัตรเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง

-ข้าวตราฉัตรมีผลิตภัณฑ์ข้าวหลากหลายประเภท เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย

จุดอ่อน (Weaknesses)

-ข้าวตราฉัตรพึ่งพาการขายข้าวหอมมะลิเป็นหลัก ซึ่งหากเกิดปัญหาเรื่องคุณภาพหรือผลผลิตจะส่งผลกระทบต่อยอดขายและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

โอกาส (Opportunities)

-ความต้องการข้าวเพื่อสุขภาพ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ กำลังเติบโต ข้าวตราฉัตรสามารถใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ

อุปสรรค (Threats)

-ราคาข้าวและต้นทุนการผลิตที่ผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อการทำกำไรของบริษัท โดยเฉพาะหากเกิดภัยธรรมชาติหรือปัญหาทางเศรษฐกิจ

-หากผู้บริโภคเปลี่ยนไปบริโภคอาหารอื่นที่ไม่ใช่ข้าว เช่น อาหารสำเร็จรูปหรืออาหารที่ไม่ใช่ข้าวเป็นหลัก การเปลี่ยนแปลงนี้อาจลดความต้องการในผลิตภัณฑ์

Consumer Insides

ปัญหาของผู้บริโภคในการจัดเก็บและใช้งานข้าวถุง

ข้าวถุงที่วางจำหน่ายในปัจจุบันมักประสบปัญหาเรื่องการจัดเก็บที่ไม่สะดวก เนื่องจากใช้พื้นที่มาก วางไว้ก็ล้มง่ายและต้องหาที่พิงเพื่อป้องกันการล้ม นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องความชื้นและแมลง เช่น มดหรือแมลงอื่นๆ ที่อาจเข้ามาในถุงข้าว ทำให้การจัดเก็บข้าวเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับผู้บริโภค บางคนจึงรู้สึกไม่สะดวกในการใช้งานข้าวถุงแบบเดิมๆ

นอกจากปัญหาการจัดเก็บแล้ว การกะปริมาณข้าวในการหุงแต่ละครั้งก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่คนเดียวหรือไม่ได้หุงข้าวบ่อยๆ เพราะไม่รู้ปริมาณข้าวที่ต้องใช้ในแต่ละมื้อ และไม่แน่ใจปริมาณน้ำที่ต้องใช้หุง ทำให้บางครั้งข้าวที่ได้ไม่พอดีความต้องการ 

      ผู้บริโภคจึงต้องการสินค้าที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการใช้และการจัดเก็บ โดยควรมีคุณสมบัติป้องกันความชื้นและแมลง เพื่อรักษาคุณภาพของข้าวได้นานขึ้น และถ้ามีบรรจุภัณฑ์หรือฝาตวงที่ช่วยให้กะปริมาณข้าวและน้ำได้ง่ายขึ้น ก็จะตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้มากขึ้น

Target market 

คนที่มีพื้นที่จำกัดอาศัยอยู่ในคอนโดหรือหอพัก ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกในการจัดเก็บ

และสะดวกในการกะปริมาณการหุงข้าวที่เหมาะสมสำหรับการรับประทานคนเดียวต่อ 1 ครั้ง

การพัฒนาบรรจุภัณฑ์

เรามุ่งมั่นในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกๆ ด้าน ทั้งการจัดเก็บและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ของเราจะมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม 10*10*20 cm. ช่วยให้การจัดเก็บง่ายขึ้น เป็นระเบียบมากขึ้น ข้าวจะไม่ล้ม  ซึ่งจะบรรจุข้าวสารได้ 2 กิโลกรัม และมีฝาขนาดใหญ่พิเศษเพื่อสามารถใช้เป็นถ้วยตวงวัดปริมาณการหุงข้าวต่อครั้งต่อคนได้ และบรรจุภัณฑ์ของเราสมารถกันความชื้น มด และแมลงอื่นๆ ได้อีก บรรจุภัณฑ์ยังสามารถใช้ซ้ำอีกได้ นำข้าวสารมารีฟิลเติมลงขวดข้าวของเราได้อีกหากข้าวในขวดหมด

ขวดข้าวของเราทำจากพลาสติก HDPE (High-Density Polyethylene) ซึ่งมีความแข็งแรงและทนทานต่อการกระแทก สามารถกันน้ำได้มีน้ำหนักเบาทำให้สะดวกในการขนส่ง และสามารถรีไซเคิลได้ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

Strategy 1 Serve ข้าวกล่องพร้อมหุง

Why เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มคนอาศัยอยู่คอนโดมีพื้นที่จัดเก็บสิ่งของน้อย เราจึงออกแบบแพ็คเกจเพื่อความสะดวกในการใช้งานและมีความโดดเด่นเพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างความจดจำในตลาด รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจนบนแพ็คเกจ

Objective 

1.สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งโดยใช้จุดเด่นของบรรจุภัณฑ์มาเป็นจุดขาย เพื่อเพิ่มยอดขายและความสนใจของผู้บริโภค

รายละเอียด

1.สร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ โปรโมทสินค้าในช่องทางโซเซียลของแบรนด์

2.จัดบูธแสดงสินค้าตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป 3-4 วันต่อสถานที่

ระยะเวลา 2 เดือน

KPI 

1.การโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ยอดผู้เข้าชม 3,000,000 วิว

2.จัดบูธแสดงสินค้า ยอดผู้เข้าร่วมกิจกรรม 2,000 คนต่อครั้งที่ออกบูธ