ปลูกผัก ปลูกความสุข

1. การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ

1.1 วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในด้วย SWOT

จุดแข็ง : ทำได้ง่ายเนื่องจากสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ใช้เวลาไม่นาน และมีความสะดวกสบายเนื่องจากมีอุปกรณ์ครบครัน

จุดอ่อน : ไม่มีกระถางสำรองในกรณีที่ผักเริ่มโตแล้วต้องย้ายกระถาง

โอกาส : เทรนด์ในการใส่ใจสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันมีมากขึ้น ทำให้สินค้าของเราเติบโตได้ในตลาดในปัจจุบัน

อุปสรรค : บางคนอาจจะต้องการต้นที่พร้อมทานแล้ว จึงเลือกที่จะไปซื้อต้นที่โตแล้ว หรือเลือกที่จะไปซื้อที่ตลาดหรือห้างสรรพสินค้าแทนที่จะรอจากการปลูกเอง

1.2 วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกด้วย STEEP

สังคม : เทรนด์ของผู้คนในสังคมปัจจุบันคือหันมาใส่ใจธรรมชาติมากขึ้น ผู้คนจึงสนใจสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้องการลดขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ เราจึงเลือกกระถางที่ทำจากใยมะพร้าวแทนการใช้กระถางพลาสติก และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกล่องกระดาษก็ยังสามารถนำมาทำแท่นวางขวดน้ำสำหรับรดน้ำต้นไม้ได้อีกด้วย เพื่อทำที่ให้น้ำอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องมาคอยรดน้ำเช้า-เย็น

เทคโนโลยี : ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการกำจัดขยะพลาสติกมากมาย แต่การรีไซเคิลนั้นทำให้เกิดมลพิษที่เกิดจากอุตสาหกรรมนี้จำนวนมาก เราจึงใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการเกิดมลพิษจากการรีไซเคิลในอุตสาหกรรม

เศรษฐกิจ : จากกระแสกล่องสุ่มในปัจจุบัน สร้างความน่าสนใจ กระตุ้นการซื้อซ้ำ และสร้างประสบการณ์ใหม่ ตื่นเต้นในการเปิดกล่องและไม่รู้ว่าจะได้รับผักชนิดใดไปปลูก  ผู้ซื้อมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อกล่องสุ่มอีกครั้งเพื่อลองปลูกผักชนิดอื่นๆ หรือสายพันธุ์ใหม่ๆ ดึงดูดผู้ที่สนใจการทำสวนมือใหม่ให้ลองปลูกผักเองได้ง่ายขึ้น เราจึงเลือกกระแสนี้มาปรับให้เข้ากับสินค้าเรา

สิ่งแวดล้อม : เลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ในการทำกระถาง จึงเลือกกระถางที่ทำจากใยมะพร้าวแทนการใช้กระถางพลาสติก เพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ และสามารถลงดินได้เลยโดยที่ไม่ต้องย้ายต้นออกจากกระถาง

กฎหมายและการเมือง : เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการแยกขยะรีไซเคิลอย่างชัดเจน จึงลดการใช้พลาสติกแล้วไปใช้วัสดุจากกระดาษ และวัสดุทางชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ

2.การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์

1. ให้ผู้คนจดจำแบรนด์ของเราได้ผ่านบรรจุภัณฑ์
2. ลดขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้และลดขยะพลาสติก
3. ให้แบรนด์เป็นที่จดจำว่าเป็นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3.การกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และรายละเอียด Insight ของกลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายของเราคือ ผู้ที่สนใจการปลูกผักสวนครัวมือใหม่ ต้องการความสะดวกสบายในการปลูก แทบจะไม่ต้องหาอุปกรณ์เพิ่ม, ผู้ที่ต้องการหากิจกรรมทำในเวลาว่างหรือพักผ่อนโดยที่ต้องการละจากโซเชียลมีเดีย, ครอบครัวที่ต้องการทำกิจกรรมร่วมกัน, ผู้รักสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมถึงผู้ที่ต้องการนำไปเป็นของขวัญให้ผู้อื่น

4.การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ

เลือกใช้กระถางที่เป็นวัสดุย่อยสลายได้คือกระถางใยมะพร้าว และออกแบบให้บรรจุภัณฑ์เกิดการใช้ซ้ำได้คือนำตัวกล่องมาทำเป็นแท่นวางขวดน้ำสำหรับรดน้ำต้นไม้ได้ ไม่สกรีนตัวโลโก้ลงไปบนกล่อง ทำเป็นกระดาษคาดแทนเพื่อง่ายต่อการรีไซเคิล

5.กิจกรรมการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์

1. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์จำง่ายและสร้างความแตกต่าง
2. สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ด้วยการใช้บรรจุภัณฑ์ในการสื่อสาร ด้วยการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

6.การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์

1. ผู้บริโภคให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ เกิดการพูดถึงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ แล้วเกิดความต้องการที่จะทดลอง
2. ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วกลับมาซื้อซ้ำ หรือ บอกต่อ