SCGP

รักแมวรักษ์โลก

Idea Tank
Team : STAYPRIZE

Member

Ms Petchsai Laopattarakasem

Ms Thitiphan Rakmon

แผนการพัฒนาแบรนด์และคุณค่าของผลิตภัณฑ์

ขนมแมวเลียแบรนด์ Me-O

เกี่ยวกับขนมแมวเลียแบรนด์ Me-O 

ขนมแมวเลียมีโอหรือ Me-o Creamy Treats เป็นขนมแมวเลียชนิดครีม ภายใต้การดูแลของบริษัทบริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพสูง พร้อมเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อความต้องการของแมวโดยเฉพาะ เช่น โอเมก้า 3 เสริมภูมิคุ้มกัน ทอรีนช่วยบำรุงสายตาและเสริมภูมิคุ้มกัน และโอเมก้า 6 ซิงค์ DL-Methionine ช่วยบำรุงผิวหนังและขน รวมถึงยังมีการใส่สารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพ เพื่อให้แมวได้รับความสุขพร้อมสุขภาพที่ดีไปพร้อมๆ กัน มาในรสชาติที่แสนอร่อย เลือกได้มากมายรสชาติเอาใจน้องแมว เช่น รสไก่และตับ, รสโบนิโตะ, รสแซลมอน, รสปู, รสคัตสึโอะ, รสมากุโระ ฯลฯ โดยปราศจากธัญพืชลดความเสี่ยงในการแพ้ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย และไม่ปรุงเกลือเพิ่ม เพื่อช่วยรักษาสุขภาพของน้องแมว 

สำหรับบรรจุภัณฑ์ของ Me-o Creamy Treats นั้นออกมาแบบมาในขนาดซองเล็กพกพาได้สะดวก ปริมาณกำลังพอเหมาะในการให้แมวกิน พร้อมหยิบออกมาป้อนได้ทุกเวลา ซึ่งมาในราคาสุดคุ้มอย่างมาก เหมาะแก่การใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าของกับแมว

1.การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ 

การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมภายนอกทางธุรกิจ(PESTEL Analysis)  

  1.  ปัจจัยเกี่ยวกับด้านการเมืองและนโยบายต่าง ๆ ของประเทศ (Political Factor) 

ในปี 2567 นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นและผลักดันเทรนด์ Pet Parent ผลักดันการเปิดตลาดสินค้าชนิดใหม ในการส่งออก ยกระดับคุณภาพสินค้าสัตว์เลี้ยงของไทย เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก  ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ได้นำทัพผู้ประกอบการสินค้าสัตว์เลี้ยงของไทย เปิดตลาดที่ไต้หวัน ในงาน Taipei Pets Show 2024 เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าไทย จับคู่ธุรกิจ เพิ่มพันธมิตรทางการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าสัตว์เลี้ยงของไทย ส่งเสริมมูลค่าการส่งออกไทย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าปัจจุบันผู้คนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทำให้มีความต้องการในผลิตภัณฑ์สินค้าที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการสินค้าสัตว์เลี้ยงในไทย สำหรับการขยายตลาดทั้งในประเทศและนานาชาติ โดยสินค้าสัตว์เลี้ยงของไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการในตลาดโลก

  1. ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเงิน (Economic Factor)

จากการศึกษาพบว่ามูลค่ามูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยทาง ttb analytics ประเมินมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยปี 2567 คาดมีมูลค่าแตะ 7.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 12.4 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า บนค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าตลาดย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 17.5% กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นกลุ่มที่ได้รับการเติบโตจากกระแสรูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ส่งผลให้รูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น กลุ่มอาหารที่เริ่มมีการใช้อาหารเฉพาะเพิ่มมากขึ้นจากคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม รวมถึงอาหารสัตว์ในปัจจุบันก็มีหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนมากกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ในรูปแบบนี้มักใช้อาหารเกรดพรีเมี่ยมที่มีราคาสูง รวมถึงในผู้เลี้ยงบางกลุ่มก็เลือกใช้อาหารดิบที่ไม่ผ่านความร้อน (BARF) ที่มีราคาสูง ส่งผลให้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2567 ขยายตัวโดยมีมูลค่าแตะ 4.46 หมื่นล้านบาท บนค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าตลาดย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 17.0%

  1. ปัจจัยด้านสังคมวัฒนธรรม (Social Factor) 

ในยุคสมัยที่สังคมไทยเปลี่ยนแปลง ครอบครัวมีขนาดเล็กลง ผู้คนหันมาหาความอบอุ่นและเพื่อนร่วมทาง สัตว์เลี้ยงจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของคนไทยมากขึ้น จนในปัจจุบันได้มีเทรนด์ Pet Parent หรือการเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันและความเอาใจใส่ที่ผู้คนมีต่อสัตว์เลี้ยง เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว จากเทรนด์ Pet Parent สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ครอบครัวไทยมีขนาดเล็กลง ผู้คนให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงมีโอกาสเติบโตสูง แต่ต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และความต้องการของ Pet Parent ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

  1. ปัจจัยด้านเทคโนโลยี (Technology Factor) 

ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอ ทำให้ในการผลิตและการจัดส่งสินค้าเป็นไปได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนการผลิต แต่เทคโนโลยีเหล่านี้ก็อาจทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นได้เช่นกันจึงต้องมีการจัดสรรงบประมาณต่างๆอย่างดี นอกจากเทคโนโลยีในการผลิตแล้ว สื่อโซเชียลมีเดียก็มีผลอย่างมากต่อการทำธุรกิจในปัจจุบัน ธุรกิจหันมาขายสินค้าทางออนไลน์กันเป็นจำนวนมากเนื่องจากพฤติกรรมการซื้อของผ่านทางออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ข้อมูลของสินค้าโปรโมชั่น และการทำการตลาดของธุรกิจผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย

  1. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Factor) 

ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันถูกจัดเป็นเรื่องเร่งด่วนในระดับโลกที่ต้องได้รับการแก้ไข ปัจจัยที่เร่งการทำลายสิ่งแวดล้อมมาจากอุตสาหกรรมและการบริโภคของมนุษย์เป็นหลัก ดังนั้นกิจกรรมบนโลกล้วนก่อให้เกิดขยะในทางตรงและทางอ้อม เช่น สินค้าและเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ก่อนถึงมือผู้บริโภค ทั่วโลกผลิตขยะพลาสติกประมาณ 6.3 พันล้านตัน แต่มีเพียงร้อยละ 9 ที่ ถูกเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล และเข้าสู่กระบวนการของโรงงานเผาขยะ ร้อยละ 12 นอกจากนั้น ร้อยละ 79 หลงเหลือปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม จะเห็นได้ว่าถ้าแนวโน้มการจัดการขยะยังดำเนินต่อไปในรูปแบบนี้คาดการณ์ว่าภายในปี 2593 ขยะพลาสติกประมาณ 1.2 หมื่น ล้านตัน จะปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อม ในส่วนของประเทศไทยนั้นมีปริมาณขยะพลาสติกและโฟมมากถึง 2.7 ล้านตันต่อปีแบ่งเป็นถุงพลาสติก ร้อยละ 80 หรือ ประมาณ 2 ล้านตัน ส่วนที่เหลือเป็นขยะโฟมประมาณ 7 แสนตัน ขยะเหล่านี้จะต้องใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปี และ ก่อนที่จะย่อยสลายนั้นอาจเกิดสภาวะต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมากมาย เช่น ไมโครพลาสติก หรือ การปะปนปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมอันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสภาวะโลกรวนที่เกิดขึ้นจากการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตและการทำลาย และจากเอกสารทางวิชาการพบว่าการย่อยสลายหรือการทำลายบรรจุภัณฑ์พลาสติก นั้นจะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประเภทมีเทนและเอธิลีน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก (Green House Effect) หรือภาวะโลกร้อน จากปัญหาและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้ผู้บริโภคยุคใหม่มีแนวโน้มการบริโภคที่ เปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมและทำได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าตลาดของบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีมูลค่ารวมที่ 81.70 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 และคาดว่าจะสูงถึง 118.85 พันล้านดอลลาร์ในปี 2569 โดยมีอัตราการ เติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 6.35 คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณร้อยละ 9 ของตลาดบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกในปี 2565 และจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้น ในปี 2022-2032 มีการพยากรณ์ว่าตลาดวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพทั่วโลกคาดว่าจะมีโอกาสโตมากกว่า $81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากแนวโน้มที่ อุตสาหกรรมต่าง ๆ เกิดความตระหนักและหันมาปรับตัวเพื่อแสวงหาทางออกของการอยู่รอดทางธุรกิจที่สอดคล้องไปกับวิถีการ ดำเนินชีวิตของมนุษย์

  1. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย (Legal Factor)  

กฎหมายอนุบัญญัติตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 เพื่อประโยชน์ในการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์และคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค และให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและวิทยาการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารสัตว์และการเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงและการขยายตัวในด้านการค้า และอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารสัตว์ ประกอบไปด้วยเรื่องการขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ในการผลิตเพื่อขายหรือนำเข้าเพื่อขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ จะต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะผลิต หรือนำเข้าเพื่อขายได้, การควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ รวมถึงการโฆษณาอาหารสัตว์ 

การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมธุรกิจด้วย SWOT Analysis 

·       จุดแข็ง (Strengths) 

เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าคนเลี้ยงแมว มียอดขายที่ติดอันดับ เป็นแบรนด์ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9002 certification มีการพัฒนากระบวนการผลิตต่างๆอย่างต่อเนื่องจนได้เป็นผู้ผลิตรายแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO9001: Version 2000 จาก SGS, รางวัลผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงดีเด่น Good Manufacturing Practice (GMP) และผ่านการตรวจสอบระบบวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม Hazard Analysis and Critical Control Point System (HACCP) จาก กรมปศุสัตว์ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งประเทศไทย จึงมั่นใจได้ว่า อาหารสัตว์เลี้ยงที่ผลิตจากโรงงานของแบรนด์ได้มาตรฐาน หรือสูงกว่ามาตรฐานระดับสารอาหารที่กำหนดโดยองค์กร US National Research Council (NRC) และองค์กร Association of American Feed Control Officials (AAFCO) 

·       จุดอ่อน (Weaknesses) 

จุดอ่อนแรกที่พบคือ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ แม้ว่า Me-O จะเป็นแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์อาหารแมวและขนมแมวหลายชนิด แต่ความหลากหลายเมื่อเทียบกับแบรนด์พรีเมียมอื่นๆ อาจยังไม่เพียงพอในแง่ของสูตรพิเศษ เช่น อาหารเฉพาะทางสำหรับแมวที่มีปัญหาสุขภาพเฉพาะทาง (แมวโรคไต, แมวอ้วน, หรือแมวแพ้ง่าย) และยังจุดอ่อนในเรีื่องของภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ถูกมองว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นสินค้าราคาประหยัด ทำให้บางกลุ่มลูกค้าที่ยินดีจ่ายสูงกว่าเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์พรีเมียมสำหรับแมว อาจไม่เลือกแบรนด์นี้ แม้คุณภาพจะดีแต่ยังไม่ถูกมองว่าทัดเทียมกับแบรนด์อาหารแมวพรีเมียม เช่น Royal Canin หรือ Hill's Science Diet นอกจากนี้ยังมีจุดอ่อนในส่วนของบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ของ Me-O ยังใช้พลาสติกและไม่ได้มีแนวทางในการ

·       โอกาส (Opportunities) 

ในปัจจุบันภาพรวมตัวเลขการเลี้ยงสัตว์ในบ้านมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่ยุคหลังโควิดเป็นต้นมา สวนทางกับอัตราการเกิดของประชากรไทยที่ลดลงในทุก ๆ ปี ยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตเลข 2 หลักต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ล่าสุดเติบโต 14% ในปี 2566 ผู้เลี้ยงสัตว์ในบ้านมักมีแนวโน้มที่จะมีฐานะและเป็นกลุ่มลูกค้ามูลค่าสูง (High-value users: HVUs) โดย 65% เป็นกลุ่ม Pet Parent ที่มีพฤติกรรมเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก มีค่าใช้จ่ายรายเดือนต่อสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวเฉลี่ยถึง 1-2 หมื่นบาทต่อปี เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของพฤติกรรมการใช้จ่าย พบว่า ตัวเลขยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวนั้นคิดเป็น 63 % ของยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ทั้งหมด เนื่องจากสินค้าสำหรับแมวมีความหลากหลายที่ตอบโจทย์ความต้องการของเหล่า Pet Parent กว่าสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ โดยสินค้าที่มียอดขายสูงสุดในทุกหมวดสัตว์เลี้ยง ได้แก่ อาหารและขนมสำหรับแมว ทรายแมว และห้องน้ำแมว จากที่กล่าวมาจึงถือเป็นโอกาสของแบรนด์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น 

·       อุปสรรค (Threats) 

ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ขนมหรือของทานเล่นสำหรับน้องแมวหลากหลายยี่ห้อมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้มีคู่แข่งทางตรงหลายรายที่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญ 

2. การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรนด์

      1). มีเป้าหมายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาแบรนด์ ให้เป็นแบรนด์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยการพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ที่ช่วยรักษาและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนช่วยลงมือทำกันคนละเล็กละน้อย เพราะเราเชื่อว่าทุกคนล้วนสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อมทำให้โลกในวันพรุ่งนี้ที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น และทำให้อุตสาหกรรมเห็นว่าพฤติกรรมเล็กๆของเราสามารถส่งผลที่ยิ่งใหญ่ให้โลกใบนี้ได้ 

     2). มีเป้าหมายในการสร้างภาพลักษณ์ พัฒนาแบรนด์ให้เป็น Green Businessโดยการทำการตลาดแบบ Green Marketing พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างภาพลักษณ์ขององค์กรในระยะยาว ให้เป็นองค์กรที่รักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อการสร้างความแตกต่างของแบรนด์ส่งต่อให้ผู้บริโภค สื่อสารต่อผู้บริโภคเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ให้ผู้บริโภคตระหนักรู้ว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับด้านสิ่งแวดล้อม

3. การกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และรายละเอียด Insight ของกลุ่มเป้าหมาย 

กลยุทธ์การตลาดเป้าหมาย (STP strategy) 

·       การแบ่งส่วนตลาด (Segmentation) 

แบ่งตามพฤติกรรมผู้บริโภค (Behavioral Segmentation) 

- ผู้ที่เลี้ยงแมวและมักซื้อขนมแมวเลียเพื่อเป็นรางวัลหรือเสริมโภชนาการร 

- ผู้ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และชอบผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับธรรมชาติ 

แบ่งตามประชากรศาสตร์ (Demographic Segmentation) 

- อายุ: 18-45 ปี  

- รายได้: ระดับกลางถึงสูง    

- สถานภาพ: โสด หรือครอบครัวเล็กที่มีสัตว์เลี้ยง 

แบ่งตามจิตวิทยา (Psychographic Segmentation) 

- กลุ่มคนเลี้ยงแมวที่ต้องการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยลดขยะพลาสติกและมีความยั่งยืน 

·       การเลือกตลาดเป้าหมาย (Targeting) 

- กลุ่มเป้าหมายหลัก: กลุ่มคนเลี้ยงแมวที่มีจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อม และสนใจในผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อธรรมชาติพวกเขายินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

- กลุ่มเป้าหมายรอง:  กลุ่มเลี้ยงแมวทั่วไปที่สนใจผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และอยากลองใช้สินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์แตกต่างจากเดิม 

·       การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของสินค้า (Positioning) 

ปัจจัยที่นำมากำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ขนมแมวเลียในบรรจุภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ Me-O ได้แก่  ด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของบรรจุภัณฑ์ (Eco-Friendly Packing) และ ด้านความมีชื่อเสียงของแบรนด์ (Reputation) 

จาก Perceptual Map ของขนมแมวเลียข้างต้น จะเห็นได้ว่าแบรนด์ Me-O เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากและเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปอยู่แล้วเมื่อเทียบกับขนมแมวเลียแบรนด์อื่น ๆ ที่ยังคงเป็นที่รู้จักน้อยกว่า แต่ในด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของบรรจุภัณฑ์จะเห็นได้ว่าแบรนด์ขนมแมวเลียโดยส่วนมากยังไม่มีแบรนด์ใดที่ทำบรรจุภัณฑ์ของขนมแมวเลียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมขึ้นมาเลย ทางกลุ่มเราจึงอยากเสนอให้แบรนด์ Me-O ได้มีการทำบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกอีกด้วย 

5. การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ 

สิ่งที่ทีมของพวกเราอยากเสนอในการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ขนมแมวเลียมีโอ คือ ซองขนมแมวเลียที่ทำจากเยื่อกระดาษบริสุทธิ์ 100% 

อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันมีขยะพลาสติกปนเปื้อนสารเคมีไปสู่พื้นดิน แหล่งน้ำ และมหาสมุทร เป็นจำนวนมาก จากสถิติพบว่าทุกๆ ปีจะมีขยะพลาสติกประมาณ 12 ล้านตัน ถูกทิ้งสู่ทะเล และมหาสมุทร ซึ่งมีเพียงร้อยละ 5 ที่พบเห็นเป็นชิ้นส่วนลอยอยู่ในทะเล ส่วนที่เหลือมักจม หรือล่องลอยไปตามกระแสน้ำ อยู่ใต้ท้องมหาสมุทรทั่วโลก เนื่องจากส่วนใหญ่มีน้ำหนักเบา จึงถูกคลื่น ลม กระแสน้ำ น้ำขึ้นน้ำลง พัดพาไปได้ไกล ซึ่งขยะพลาสติกบางชิ้นอาจจะใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปี แต่บางชนิดอาจย่อยสลายจนกลายเป็น "ไมโครพลาสติก" ชิ้นเล็กๆ แล้วไปปนเปื้อนอยู่ในระบบนิเวศ รวมถึงห่วงโซ่อาหารในท้องทะเล และย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์เองจากการบริโภค หรือดำรงชีวิตอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่มีไมโครพลาสติกกระจายอยู่เต็มไปหมด  

ทางทีมของเราเล็งเห็นว่าซองขนมแมวเลียถือเป็นขยะพลาสติกอย่างนึงที่มีอยู่มากในปัจจุบัน เนื่องจากการที่ผู้คนมีการเลี้ยงแมวมากขึ้น ทีมของเราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการพยายามแก้ไขปัญหาการปนเปื้อน    ไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมและห่วงโซ่อาหารของเราทุกคน ด้วยการลดขยะพลาสติกที่ต้นทาง โดยเราอยากเสนอให้เลือกใช้วัสดุทางเลือก ที่ไม่ตกค้างในสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต  อย่างการใช้เยื่อกระดาษบริสุทธิ์ 100% มาผลิตซองขนมแมวเลีย แทนพลาสติกแบบเดิม แต่ยังคงมีความแข็งแรง ไม่เปื่อยยุ่ยง่ายจนเกินไปจึงไม่ส่งผลต่อรสชาติ กลิ่น และคุณภาพของสินค้า  

5. กิจกรรมการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์ 

กิจกรรมทางการตลาด (Event Marketing)

·       เปิดตัวขนมแมวเลียบรรจุภัณฑ์ใหม่ผ่านโซเชียลมีเดียออฟฟิเชียลของ Me-O และมีการจัดกิจกรรมเพื่อโปรโมทขนมแมวเลียบรรจุภัณฑ์ใหม่  

โดยโพสต์รูปภาพผลิตภัณฑ์แมวเลียที่เป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ผ่านช่องทางโซเชียลต่าง ๆ ได้แก่ TikTok, Facebook, Instagram และ X มีการบอกถึงวัตถุประสงค์ในการทำบรรจุภัณฑ์ในครั้งนี้คร่าว ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของทางแบรนด์ ระบุวันที่ที่จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ครั้งแรก รวมถึงช่องทางจัดจำหน่ายต่าง ๆ อาจมีการโปรโมท (ยิง Ad) เพื่อให้คนได้เข้าถึงและรับรู้กันอย่างทั่วถึงมากขึ้น

กิจกรรม: ทางแบรนด์จะจัดกิจกรรมเพื่อให้คนในโซเชียลได้รับรู้ถึงผลิตภัณฑ์แมวเลียที่เป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ของทาง Me-O โดยจะจัดกิจกรรมผ่านช่องทาง TikTok ให้ผู้ที่เลี้ยงแมวได้สร้างสรรค์คลิปโดยถ่ายน้องแมวของตัวเอง โดยในคลิปจะต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่เห็นผลิตภัณฑ์ชัดเจน ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถสร้างสรรค์และออกแบบคอนเทนต์ได้ตามความถนัดของตัวเอง เช่น พูดแนะนำผลิตภัณฑ์แมวเลียบรรจุภัณฑ์ใหม่พร้อมให้ขนมน้องแมวไปด้วย หรือจับน้องแมวมาเต้นและวางผลิตภัณฑ์แมวเลียบรรจุภัณฑ์ใหม่ไว้ในคลิป เป็นต้น โดยระหว่างการจัดกิจกรรมนี้ทางแบรนด์อาจนำผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ส่งไปให้อินฟลูเอนเซอร์ที่เลี้ยงแมวใน TikTok ให้ทำคลิปแนะนำผลิตภัณฑ์ และชวนคนใน TikTok มาร่วมกิจกรรมของทางแบรนด์เพื่อกระจายข่าวสารให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น กิจกรรมนี้จะมีของรางวัล ได้แก่ อาหารแมว และขนมแมวเลียบรรจุภัณฑ์ใหม่ รวมถึงเงินรางวัล ผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องติด “ #มีโอรักแมวรักโลก #มีโอแมวเลียรักษ์โลก ” พร้อมแทกบัญชี Tiktok ออฟฟิเชียลของ Me-O

โดยวัตถุประสงค์ของกิจกรรมนี้ คือ เพื่อให้คนได้รู้จักผลิตภัณฑ์แมวเลียที่เป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ และรับรู้ถึงวัตถุประสงค์ของทางแบรนด์ในการจัดทำบรรจุภัณฑ์ใหม่นี้ ทำให้ผู้ที่เลี้ยงแมวใน TikTok ได้มีส่วนร่วมกับ แบรนด์ และเกิดประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์

6. การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์ 

จะวัดผลทางการตลาดโดย

1. มีการถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดีขึ้นในด้านของการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเป็นผู้นำในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมในตลาดอาหารและขนมแมว 

2. มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมผ่านทางแอปพลิเคชัน TikTok เป็นจำนวนมากกว่า 1,000 คลิป 

3. มียอดขายของขนมแมวเลียเพิ่มขึ้นในเดือนที่โปรโมท 20% 

4. มียอดขายที่เพิ่มทขึ้นหรือคงที่ในแต่ละเดือน 

5.มียอดติดตามในช่องทางต่างๆ เพิ่มขึ้น 20%

other Ideas