ทรี อาร์ แกรม

Team : Three R Glam
Member
Ms Rungtawan suwan
Ms Suphakan Paengngamnawakun
แผนการพัฒนาแบรนด์และคุณค่าของผลิตภัณฑ์
1.การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ
การวิเคราะห์ SWOT สำหรับบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ มีดังนี้:
สำหรับบรรจุภัณฑ์แป้งและคุชชั่นที่ทำจาก เซลลูโลสพลาสติกเคลือบด้วยเซลลูโลสนาโน
จุดแข็ง (Strengths)
1. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วัสดุจากเซลลูโลสพลาสติกและการเคลือบด้วยเซลลูโลสนาโนมีความสามารถในการย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ช่วยลดปริมาณขยะและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สามรถรีไซเคิลได้
2. การออกแบบให้ถอดเปลี่ยนได้ ตลับคุชชั่นและแป้งถูกออกแบบให้สามารถเติมผลิตภัณฑ์ใหม่ได้โดยไม่ต้องทิ้งบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด เพื่อลดขยะและทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับการซื้อ
3. คุณสมบัติกันน้ำและความคงทน การเคลือบด้วยเซลลูโลสนาโนเพิ่มความแข็งแรงและการกันน้ำ ทำให้เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่ต้องการการป้องกันความชื้น สามารถกัน UVได้ เพราะUVอาจจะทำให้ผลิตภัณ์เสื่อมสภาพได้หรือทำลายโครงสร้างหรือคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์
4. ตอบโจทย์เทรนด์ความงามและความยั่งยืน ผู้บริโภคที่ใส่ใจทั้งความสวยงามและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มที่จะชื่นชอบผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุธรรมชาติและย่อยสลายได้
จุดอ่อน (Weaknesses)
1.ต้นทุนการผลิตสูงกว่า วัสดุย่อยสลายได้ เช่น เซลลูโลสพลาสติกและการเคลือบนาโนอาจมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าพลาสติกปิโตรเลียม ทำให้ผลิตภัณฑ์มีราคาสูงกว่าคู่แข่ง
2.อายุการใช้งานที่จำกัด วัสดุที่ย่อยสลายได้อาจมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนและความชื้นสูง
3.ต้องใช้ความรู้ในการรีไซเคิล ลูกค้าบางคนอาจยังไม่เข้าใจวิธีการรีไซเคิลหรือนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ได้อย่างถูกต้อง
โอกาส (Opportunities)
1.แนวโน้มการบริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น กระแสการบริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกำลังเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีโอกาสได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น
2.การสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง การใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ช่วยสร้างจุดขายที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์คุชชั่นทั่วไปที่ใช้พลาสติกแบบดั้งเดิม
3.การขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าสากล กลุ่มลูกค้าทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ทำให้สามารถขยายตลาดได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎระเบียบเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์พลาสติกเข้มงวด
อุปสรรค (Threats)
1.การแข่งขันด้านต้นทุนและราคากับคู่แข่ง ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกปิโตรเลียมที่มีต้นทุนการผลิตต่ำอาจทำให้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ต้องแข่งขันในด้านราคาอย่างหนัก
2.ความเข้าใจผิดของผู้บริโภคเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ บางครั้งผู้บริโภคอาจไม่เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้จริงกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นแค่ "รักษ์โลก" ในการตลาด
3.ข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในการผลิต การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้วัสดุย่อยสลายได้มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำยังต้องการการวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติม
4. การแข่งขันกับพลาสติกธรรมชาติที่ถูกกว่า แม้ว่าวัสดุธรรมชาติจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่พลาสติกทั่วไปยังคงมีราคาถูกและผลิตได้ง่ายกว่า
5. การรับรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับคุณภาพ ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจยังมีความกังวลเกี่ยวกับความทนทานและคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ
สรุป
การใช้ SWOT ในการวางแผนกลยุทธ์
- ใช้จุดแข็ง โฟกัสการสร้างการรับรู้ในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และการรีไซเคิลที่เป็นจุดเด่น
- จัดการจุดอ่อน ลดต้นทุนผ่านการปรับปรุงกระบวนการผลิต และให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานและรีไซเคิลแก่ผู้บริโภค
- ใช้โอกาส สร้างแคมเปญการตลาดที่เชื่อมโยงกับกระแสการดูแลสิ่งแวดล้อมและขยายตลาดสู่ระดับสากล
- รับมือกับอุปสรรค เพิ่มความชัดเจนในการสื่อสารเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ย่อยสลายได้ และปรับตัวให้สามารถแข่งขันด้านราคากับคู่แข่ง
2.การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแบรด์
1.ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าและในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
2.ทำให้แบรนด์ของเราร่วมมือกับแบรนด์อื่นใน อุตสาหกรรมเดี่ยวกันในการส่งเสริมปรับเปลี่ยนการทำบรรจุภัณฑ์ ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ
3.การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ตลับแป้งไปสู่การทำบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เช่น ลิปสติก
4.การเป็นผู้นำอุตสหกรรมในการทำบรรจุภัณฑ์เครื่องสำเองจากวัสดุธรรมชาติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3.การกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และรายละเอียด Insight ของกลุ่มเป้า
กลุ่มเป้าหมาย
นักเรียน/นักศึกษา/วัยทำงาน/และกลุ่มลูกค้าที่สนใจสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพศ ชาย/หญิง/LGBT
รายละเอียดเชิงลึก Insights
- กลุ่มเป้าหมายหลัก
คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Eco-conscious consumers) คนที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สะอาด ปลอดสารเคมี และกลุ่มคนที่สนใจแฟชั่นและบิวตี้
- กลุ่มเป้าหมายเสริม
กลุ่มผู้ใช้เครื่องสำอางที่มองหาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความใส่ใจในแบรนด์ที่มีคุณค่าทางสังคม
4.การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผลิตภัฌฑ์ที่จะนำเสนอ (อยู่ในไฟล์รูปภาพ)
5.กิจกรรมการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ ผ่านบรรจุภัณฑ์
1. โซเชียลมีเดียและ Influencer Marketing ใช้แพลตฟอร์มอย่าง Instagram, Facebook และ TikTok ในการ โปรโมตสินค้า พร้อมรีวิวจากอินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามและสิ่งแวดล้อม
2.การจัดแคมเปญรักษ์โลก จัดกิจกรรมและแคมเปญการรีไซเคิลที่สนับสนุนแนวคิด Reduce-Reuse-Recycle เช่น การส่งคืนบรรจุภัณฑ์เก่าเพื่อแลกรับส่วนลด หรือจัดกิจกรรมกิจกรรมสะสม ตัวถาดแป้งหรือคุชชั่นรีฟิว หรือโปรโมชั่นจากทางแบรนด์
3.โปรแกรมสะสมแต้ม เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ซ้ำ จะได้แต้มสะสมที่สามารถใช้แลกรับส่วนลดหรือสินค้ารุ่นพิเศษ
4. การสร้างผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ดอิดิชั่น ออกสินค้าที่มีจำนวนจำกัด โดยเน้นการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดรักษ์โลก เช่น ตลับคุชชั่นลวดลายจากธรรมชาติ หรือใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการผลิต
5. การตลาดแบบบอกต่อ (Referral Program) กระตุ้นให้ลูกค้าปัจจุบันแนะนำสินค้าให้กับเพื่อน โดยให้รางวัลหรือส่วนลดเมื่อมีการซื้อสินค้าผ่านคำแนะนำ
6.การโปรโมตด้วยจุดแข็งด้านความยั่งยืน ชูแนวคิด "สวยอย่างยั่งยืน" โดยใช้วัสดุที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
6.การวัดผลทางการตลาดและแบรนด์
1. วัดผลจากยอดขาย (Sales Performance)
- วัดผลยอดขายของสินค้าภายใน 6 เดือน เพื่อดูแนวโน้มการเติบโตของสินค้า
- การวิเคราะห์การเพิ่มขึ้นของยอดขายจากแคมเปญต่าง ๆ เช่น การใช้โซเชียลมีเดียหรือการตลาดแบบ Influencer
2. การรับรู้และภาพลักษณ์แบรนด์ (Brand Awareness and Perception)
- ใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Google Analytics, Facebook Insights, Instagram Insights เพื่อตรวจสอบการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมของลูกค้า
- การสำรวจความคิดเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับภาพลักษณ์แบรนด์ และการวัดระดับความเข้าใจและการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รักษ์โลก
3. การสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Customer Retention)
- การวัดผลจากอัตราการซื้อซ้ำของลูกค้า และความสามารถในการรักษาฐานลูกค้าเก่า
- วัดผลจากการใช้โปรแกรมสะสมแต้ม หรือแคมเปญ "Recycle Day" ว่ามีลูกค้ากลับมาใช้งานซ้ำมากน้อยเพียงใด